Translate

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

เด็กจบใหม่ต้องเจออะไรบ้าง

น้องๆนิสิต นักศึกษาที่กำลังจะพ้นสภาพการเป็นวัยเรียนและกำลังเริ่มไขว่คว้าหาอนาคตอันสดใสด้วยหน้าที่การงานอันยิ่งใหญ่มาอ่านบทความนี้กันเร็วๆค่ะ วันนี้เคที่มีเรื่องราวของเด็กจบใหม่กับประสบการณ์เริ่มแรกของการทำงานมาฝากกันด้วย น้องๆทั้งหลายจะต้องพบเจอกับเรื่องที่คิดไว้แล้วและอาจจะคิดไม่ถึง แต่อย่าพึ่งท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มนะ ค่อยๆปรับตัวไปเรื่อยๆก็จะทำให้เราไม่ใช่เด็กจบใหม่อีกต่อไปค่ะ หรือตรงกันข้าม ใครที่มั่นใจเหลือเกินว่าฉันจะต้องผ่านโปรและเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ควรระวังเรื่องการสกัดดาวรุ่งในที่ทำงานที่ไม่ได้มีแค่ในหนังหรือละคร ไปอ่านกันดีกว่าว่าจริงๆแล้ว เด็กจบใหม่ต้องเจออะไรและครทำตัวอย่างไรในชีวิตการทำงาน


14
1. “เขาหาว่าเราเป็นเด็กจบใหม่
เลิกคิดไปได้เลยว่าจบเกียรตินิยมมา มีดีกรีมหาวิทยาลัยระดับท็อป หรือเพิ่งถอยเซอทิฟิเคท จากเมืองนิก ความจริงอย่างที่สุดคือ เราเป็น “เด็กจบใหม่” มาหมาดๆ ถึงแม้จะทำกิจกรรมมาเยอะ ทำงานมาก็มาก แต่เมื่อมาที่นี่ ตรงนี้ หรือที่ไหนตรงไหน สถานะของเธอก็ยังคงเป็นเด็กจบใหม่
2. เด็กจบใหม่กับเรื่องเม้าท์มอย “น้องๆ พี่จะเล่าเรื่องพี่คนนั้นให้ฟัง”
เพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน เป็นสังคมที่ยังไงเราก็ต้องสังฆกรรมด้วย  และถ้าเพิ่งจบมาใหม่ๆ เพิ่งเข้าทำงาน เราเองจะมองว่าทุกคนน่ารักกับเราไปหมด แต่เมื่ออาทิตย์แรกผ่านไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มจะเข้ามาหาเรา แล้วเริ่มปฏิบัติการด่าทอ หรือเล่าความลับของเพื่อนร่วมงานอีกคนให้เราฟัง บางคนอาจจะโดนแนะนำให้อยู่ห่างๆ เพื่อนร่วมงานคนนั้น หรือถูกเสนอให้เข้าพวกกับเขาด้วยความเป็นคนกลางของเด็กจบใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน เด็กจบใหม่หลายคนเลยสับสน และไม่รู้จริงว่าจะต้องทำอะไรต่อ หรือต้องทำตัวยังไง บอกได้คำเดียวถ้าเจอแบบนี้ การยึดมั่นและเชื่อในความดีเท่านั้นก็จะทำให้เราพบคำตอบ
3. เด็กจบใหม่ควรตั้งใจทำงานก่อน อย่าหวังแต่เงินเดือนขึ้นหลังผ่านโปร
เกิดขึ้นและเป็นกับทุกคน สำหรับเด็กจบใหม่ที่ทำงานในช่วงทดลองงาน เพราะทุกคนต่างหวังว่าจะได้เงินเดือนขึ้น ถ้าเราเอาแค่หวัง หวัง หวัง ความหวังจะพังทลายลงมาแน่ๆ จะเล่าความจริงให้ฟังก่อนว่าบริษัทส่วนมากไม่มีนโยบายขึ้นเงินเดือนให้หลังผ่านโปรหรอกนะ เงินเดือนที่เขาให้ตอนแรกนะ คือความเหมาะสมที่เขาประเมินขีดความสามารถของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเขารับเข้าทำงาน เขาก็ต้องให้เราทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่ ถ้าเราทำงานไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่โฟกัสเรื่องเงิน เราเองนั่นแหละที่จะขาย ไม่ได้ทำงานต่อไป ใจเย็นๆ ไว้หน่อยท่องเอาไว้ในใจว่า “เงินเดือนขึ้นไม่ยากเท่ากับเข้าทำงานที่ไหนสักที่” “โปร คำย่อจากคำว่า Probation หรือช่วงทดลองงาน
4. ขึ้นชื่อว่างาน ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จ
เมื่อก่อนทำการบ้านไม่เสร็จ ยังลอกเพื่อนได้ ยังเนียนๆ ออดอ้อนอาจารย์ที่ปรึกษาให้ช่วยได้บ้าง แต่ชีวิตการทำงาน ใครคะ ใครคนไหนจะมาช่วย อาจจะมีบ้างตอนแรก สำหรับเด็กจบใหม่ทำอะไรยังไม่เป็น อาจจะมีคนคอยช่วยแนะนำ แต่คงไม่มีใครช่วยเราไปตลอดหรอก (แม้แต่แฟนสุดที่รักก็คงช่วยเราไม่ได้) สิ่งที่เราต้องรู้ไว้ และเริ่มทำตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ก็คือ รับฟัง เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และลงมือทำอย่างตั้งใจ
5.  ติดนิสัยระบายความเก็บกดลง facebook พ่นคำแรงลง twitter
เทรนด์ใหม่สุดล่าของการทะเลาะเบาะแว้งและมีเรื่องราวในออฟฟิศ คือ พวกเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธหรือนอยด์ไว้ในใจ และปล่อยให้มลายหายไปเองได้ แต่เรานำสิ่งที่คั่งค้างมาระบายลงหน้าวอลล์ facebook หรือ twitter งานเข้าสิทีนี้ ทำให้เกิดการรับรู้ถึงกันหมดทันที ไม่เว้นเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เป็นเด็กจบใหม่อย่าออกตัวแรงเกิน เอาเป็นว่าเล่นออนไลน์ก็จงมีสติ อย่าทำอะไรให้ต้องมีเรื่องตามมาเลย
6. สังคมการทำงานไทย คาดหวังเจอคนอ่อนน้อมถ่อมตน
เด็กสมัยนี้ไม่มีสัมมาคารวะ ขาดความชัดเจน และไม่เป็นตัวของตัวเอง สังคมการทำงานของไทยยังผูกอยู่กับเรื่องชนชั้น บรรดาศักดิ์ และระบบพี่น้อง ทุกคนจึงคาดหวังว่าจะเห็นเด็กจบใหม่มีกิริยาเรียบร้อย คล้อยตามความเห็น มีสายตาอัน บริสุทธิ์อ่อนโยน พร้อมด้วยการพูดคุยอย่างสุภาพอีกต่างหาก หลายคนอาจจะบนอึดอัดและตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องทำด้วย” เราไม่มีคำตอบชัดเจนบอกได้ว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่เราสามารถบอกได้ชัดเจนคือ กิริยาอ่อนน้อมไม่มีได้มีความหมายว่ายอม แต่มีความหมายว่าเราให้ความเคารพในประสบการณ์ของผู้มาก่อน เป็นเรื่องดีที่จะลดอีโก้ของตัวเองออกไป
7.  เด็กจบใหม่ระวังพวกลามกเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนในที่ทำงานมีเยอะ
เด็กจบใหม่โดยเฉพาะสาวๆหลายคนใบหน้าขาวใส เอวบางร่างน้อย เป็นผู้หญิงสวยที่ใครๆ ก็หมายปอง การเข้าไปทำงานใหม่จึงถูกจับจ้องได้ง่ายกว่าปกติ มีสถิติบอกว่าผู้หญิงเราถูกลวนลามในที่ทำงานสูงมากถึง 25% จากปัญหาการถูกลวนลามทั้งหมด ทั้งเด็กจบใหม่หลายคนเจอสภาพนี้ก็ไม่กล้าที่จะบอกใคร เพราะคิดว่าตัวเองเพิ่งเข้าทำงานใหม่ ไม่อยากทำตัวมีปัญหา แต่การยอมรับบางครั้งอาจทำให้ปัญหาหนักขึ้น เราจึงต้องมีวิธีรับมือบางอย่างไว้ด้วย เช่น  เลือกใช้คำพูดที่ตัดบท ปรึกษาหัวหน้างาน หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นต้น นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เหลือบ ริ้น ไร เข้ามาทำร้ายเราเรื่อยๆ ก็ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง แต่งตัวให้สุภาพมิดชิด และดูตาม้าตาเรือไว้บ้าง
8. เด็กจบใหม่ จงปกป้องตัวเองด้วยการทำงาน
ตอนที่เรียนอาจเคยโดนป้ายความผิดจากเพื่อนมาบ้าง หรือคนอื่นๆ บ้าง ซึ่งอย่างมากก็แค่โกรธ เลิกคบ แต่พอถึงชีวิตการรับความผิดจากใครมา อาจทำให้เราถูกไล่ออกจากงาน โดยผู้รับความผิดที่ดีที่สุดก็คือ เด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เพราะจะถูกโยนความผิด ด้วยเหตุผลว่า “น้องเขาทำงานไม่เป็น” วิธีแก้ที่ดีที่สุดไม่ใช่เรื่องของการแก้แค้นดักตบดักตี แต่เป็นเรื่องที่เราจะต้องย้อนกลับมาที่ตัวเอง ทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ใส่ใจและตั้งใจในงานของเรา เราเชื่อว่าพลังของความดี สุดท้ายแล้วย่อมชนะพลังด้านมืดเสมอ
9. กฎระเบียบบางครั้งขึ้นอยู่กับคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความจริง
เด็กจบใหม่บางคนไฟแรง และมองว่าผิดคือผิด ถูกคือถูก จนทำให้บางครั้งเวลามีปัญหาเรื่องงาน เด็กจบใหม่จะจัดการสับแหลกทุกความจริงที่ไม่ถูกต้อง และสู้สุดใจเพื่อความยุติธรรม แต่ในชีวิตการทำงานจริงๆ ทั้งสิ น แถมยังไม่ใช่ผู้ตัดสินชี้ขาดอีกด้วย ความผิดบางอย่างจึงอาจกลายเป็นความถูกต้องของบริษัท โดยที่เรายังรู้สึกคาใจ
10. เด็กจบใหม่ระวังอ้วน
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องเบาๆ ที่เราขอบอกว่า ถ้าไม่ระมัดระวังเรื่องการกิน หรือรู้จักดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย เมื่อทำงานแล้วให้เตรียมอ้วนขึ้นได้เลย การทำงานมีความเครียดและความกดดันสูง วิธีการง่ายที่สุดที่เราชอบทำคือ ทานของจุกจิก และออกไปปาร์ตี้ เราจะทานของพวกนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ตัวเลยว่าอ้วนขึ้นตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนเพื่อนทัก หรือกลับไปเยี่ยมน้อง เยี่ยมอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วมีแต่คนบอกว่าอ้วนขึ้น
ที่มา Cosmopolitan

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น