Translate

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ชี้ทำงานหนักเสี่ยงโรคซึมเศร้า



ชี้ทำงานหนักเสี่ยงโรคซึมเศร้า

วิจัยพบคนทำงานเกินวันละ 11 ชั่วโมงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสองเท่าที่จะเป็นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะผู้หญิง คนหนุ่มสาว รวมทั้งคนที่ได้ค่าตอบแทนน้อยและดื่มแอลกอฮอล์ปานกลาง
นักวิจัยในอังกฤษบอกว่า คนที่ทำงานในสำนักงานเกินสัปดาห์ละ 55 ชั่วโมง มีความเสี่ยงดังกล่าวมากกว่าคนที่ทำงานตามเวลามาตรฐาน
ทีมวิจัยได้เลือกตัวอย่างข้าราชการของรัฐบาลอังกฤษกว่า 2,000 คน เข้าร่วมในการศึกษานี้ตั้งแต่เมื่อต้นทศวรรษ 2533 โดยเลือกคนในวัย 35-55 ปี จากหลากหลายตำแหน่งงาน ระดับเงินเดือน และชั่วโมงการทำงาน
เมื่อย้อนกลับไปติดตามผลในอีก 6 ปีให้หลัง นักวิจัยของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ 2 แห่ง กับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยของฟินแลนด์อีกแห่ง พบว่า การทำงานล่วงเวลากับโรคซึมเศร้ามีความสัมพันธ์กันอย่างมาก แม้ได้นำปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ มาร่วมพิจารณาด้วยแล้วก็ตาม เช่น การใช้ชีวิต สถานภาพสมรส และระดับความเครียดของงาน
ในจำนวนนี้มี 66 คนที่เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง หรือคิดเป็นอัตรา 3.1% โดยคนที่ทำงานวันละ 11 ชั่วโมงขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2 เท่าครึ่งที่จะเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ทำงานวันละ 7-8 ชั่วโมง
นักวิจัยยังพบด้วยว่า พวกที่ทำงานวันละหลายชั่วโมงนั้นจำนวนมากเป็นผู้ชาย ได้ค่าตอบแทนสูง และต้องทำงานที่ท้าทาย แต่คนเหล่านี้มีอาการซึมเศร้าค่อนข้างต่ำ
ผู้วิจัยบอกว่า พวกที่ได้ค่าตอบแทนสูงมักไม่มีอาการซึมเศร้า เพราะได้ทำงานที่ชอบ และมีทีมงานที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของตัวเอง
แต่ผู้หญิงที่ได้รับค่าตอบแทนสูงมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะเป็นโรคซึมเศร้า เพราะคนกลุ่มนี้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนอกเหนือจากการงานด้วย
คนวัยหนุ่มสาวซึ่งพยายามไต่เต้าในอาชีพการงาน และมีรายจ่ายสูง เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอาการซึมเศร้าสูง
ศาสตราจารย์สตีเฟน สแตนส์เฟลด์ แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน บอกว่า คนที่ทำงานนานหลายชั่วโมงอาจทำงานมีประสิทธิภาพน้อยลง และต้องคำนึงถึงสุขภาพและความเครียดของตัวเองด้วย


ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

วิธีคลายเครียดง่ายๆ ในชีวิตเร่งรีบ


ปรับสมดุลอารมณ์เหตุโลกเปลี่ยนแปลง
 
          โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ชีวิตคนเมืองต้องเร่งรีบและแข่งขันกับทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเวลา หรือการทำงาน ก็อาจจะทำให้รู้สึกเครียดและเบื่อหน่ายกับชีวิต เหตุนี้จึงได้มีการนำเอาวิธีการง่ายๆ มาแนะนำให้กับผู้อ่าน เพื่อว่าอ่านแล้วลองไปทำดูจะช่วย คุณได้

          1.ฟังเพลง หามุมสงบ
          นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลงเบาๆ หรือเสียงธรรมชาติ อาทิเสียงคลื่น เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง เพราะจะเป็นการช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ
          2.ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
          การไปดูหนัง ถือเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แต่ต้องรู้ตัวเองว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย
          3.โทร.หาเพื่อนรู้ใจ
          เมื่อมีปัญหาควรยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่รู้สึกไม่ดีเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
          4.เขียนไดอารี่
          การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ได้ไหลลง สู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระ เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขึ้น
          5.พลังแห่งการสัมผัส
          หาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัส จะทำให้เกิด ฮอร์โมนที่ชื่ออ๊อกซี่โทชิน” ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกาย ที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลาย
          6.สร้างอารมณ์ขัน
          มองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล= ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ อิมโมโนโกล บูลินเอ” ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายอีกด้วย
          7.สูดกลิ่นหอม
          กลิ่นหอมของดอกไม้มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี หรือจะหยดน้ำมัน หอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลิน สักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
          8.ไปตากอากาศ
          ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรม ชาติ หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุ มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป



ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

อาหารที่ควรทานเมื่อทำงานหนัก



ในยุคที่สังคมมีการแข่งขันสูง คนทำงานทั้งหลายต้องตรากตรำกันหนักหน่อย ทั้งประชุม ทั้งเคลียร์งานจนอาจจะลืมรับประทานอาหารกันได้ หรืออาจจะทานอาหารแบบผ่านไปมื้อหนึ่งก่อน จนอาจไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

เพื่อให้เรามีพลังในการทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงควรทานอาหารให้ถูกกับสภาพร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ต้องเหน็ดเหนื่อยหรือใช้พลังงานมากกว่าวันปกติยิ่งต้องดูแลให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะคนทำงานมักจะป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่หาย เนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอนั่นเองดังนั้น เรามีคำแนะนำวิธีทานอาหารเพื่อป้องกันอาการป่วยสำหรับคนทำงานหนักทั้งหลายมาฝาก

คนทำงานมักดื่มกาแฟจนติดเป็นนิสัยบางท่านอาจจะดื่มวันละ2-3แก้วด้วยซ้ำ ทำให้มีคาเฟอีนสะสมอยู่ในร่างกายตลอดเช้ายันค่ำ ดังนั้น ถ้าอยากหลับสนิทควรงดดื่มกาแฟชา รวมไปถึงน้ำอัดลมระหว่างวันหรือช่วงบ่าย เพราะในเครื่องดื่มเหล่านี้มีสารคาเฟอีนกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและนอนไม่หลับเปลี่ยนมารับประทานกล้วย มันฝรั่งต้ม หรือนมสดอุ่นๆ ในช่วงบ่ายหรือเย็น จะช่วยให้หลับง่ายและสบายยิ่งขึ้น

เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย มักมีสาเหตุจากการขาดธาตุเหล็กอาการนี้เป็นอาการสะสมจึงควรทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท พาสต้า ถั่ว ผักใบเขียว ผลไม้จำพวกส้ม แตงโม เบอร์รี่ อาหารเหล่านี้ยังย่อยง่ายไม่ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนัก เป็นจำพวกค่อยๆ ย่อย ค่อยๆ ดูดซึม จึงช่วยลดความเครียดของเราได้อีกทาง

แต่ถ้าเครียดกับงานมาก ทานอาหารไม่เป็นเวลา นาฬิกาทางชีววิทยาอาจปั่นป่วน ทำให้การขับถ่ายไม่เป็นปกติ มีอาการท้องผูกเกิดขึ้น ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร และรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้จำพวก ส้ม มะละกอ ลูกพรุน หรือสาหร่าย เม็ดแมงลัก และน้ำผึ้ง

หากคุณมีอาการปวดศีรษะไมเกรนอยู่บ่อยๆ ควรทานเนื้อปลาซึ่งอุดมด้วยกรมไขมันโอเมก้า 3อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4ครั้งเช่น ปลาทู ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาอินทรี หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของหมักดอง อาหารที่มีสารไทรามีน เช่น เนย นม ช็อกโกแลต กล้วยหอม ผงชูรส ผลไม้ตระกูลส้มและมะนาว ชาและกาแฟ





ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

ทำงานหนักแบบมีความสุข


หากเราต้องมุ่งมั่นในการทำงาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่า "ทำงานหนัก" แน่นอนว่าย่อมเกิดความตึงเครียดจากเรื่องต่างๆ เราจะป้องกันตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคร้ายที่คุกคามคนทำงาน คำตอบคือ เราต้องเรียนรู้วิธีทำงานหนักอย่างมีความสุข
เริ่มต้นด้วยการเลือกงานที่มีคุณค่าและรักที่จะทำการทำงานที่มีคุณค่าจะก่อให้เกิด ความสุขจากการเป็นผู้ให้ เกิดความภาคภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่ดี มีคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมหากเลือกได้ให้เลือกงานที่เราชอบด้วย หรือตัดสินใจ "รักในงานที่ทำ" แม้ไม่ได้ทำ งานที่รัก แต่เราสามารถทำงานอย่างมีความสุขได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองที่มีต่องานที่ทำ
มองปัญหาในแง่บวก หลายครั้งปัญหาก่อให้เกิดความเครียด เพราะเรามองว่ามันคือปัญหา และจมอยู่กับปัญหา แทนที่จะท้าทายตนเองโดยบอกตัวเองว่า "ไม่มีปัญหาใดแก้ไม่ได้" พยา ยามหาเพื่อนร่วมงาน ที่ปรึกษา และข้อมูลความรู้มาช่วยแก้ปัญหา และทำให้ช่วงเวลาในการแก้ปัญหาเป็นช่วงเวลาที่จริงจัง แต่ผ่อนคลาย เช่น เปลี่ยนสถานที่ประชุม ใช้วิธีการคิดสร้างสรรค์ ให้ทุกคนช่วยคิดนอกกรอบ
จัดการเหตุแห่งความเครียด เราควรสำรวจว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดความตึงเครียดได้มากที่สุด เพื่อให้เราแก้ปัญหานั้นออกไปจากตัวให้เร็วที่สุด เช่น สภาพแวดล้อมที่จำเจ ผนังห้องที่ใช้สีทึบทำให้เกิดความรู้สึกไม่สดชื่น เสียงที่ดังรบกวน หรือแสงที่มีความสว่างน้อยหรือมากเกินไป การปรับเปลี่ยนบรรยากาศสภาพแวด ล้อมให้ดีขึ้นจะช่วยลดความ เครียด ความเบื่อหน่าย และเพิ่มความสุขในการทำงานได้
รถติดก็อาจก่อให้เกิดความเครียดจากการเดินทาง เราควรหาทางออกอย่างที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้น หรือเผชิญกับมันอย่างมีความสุข เช่น มาทำงานให้เช้ามากๆ หรือทำงานที่บ้านแล้วค่อยมาสายๆ
ลดความเครียดด้วยการเพิ่มเอนโดรฟิน ด้วยการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ อาทิ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ทำงานท่าเดียวเป็นเวลานาน พักเป็นระยะสั้นๆระหว่างทำ งาน หัวเราะกับเพื่อน รับประ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เหมาะสม และมีทัศนคติแง่บวกในการคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ


ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข โดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

หนทางสู่ความสำเร็จ


     เราทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัว โดยนิยาม ความสำเร็จของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป เช่น บางคนตั้งเป้าหมายในการทำงานให้ก้าวหน้ามากที่สุด บางคนตั้งเป้าหมายในการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น บางคนตั้งเป้าหมายในการมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น หรือ บางคน ตั้งเป้าหมายที่จะสำเร็จในทุก ๆ เรื่องที่ตนเองทำ แล้วอะไรจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จตามที่เรามุ่งหวัง
ความสำเร็จเกิดขึ้นได้จาก ความพร้อม บวก โอกาส หมายความว่า การที่เราจะสำเร็จได้ในสิ่งที่เรา มุ่งหวัง เราต้องเตรียมความพร้อมในตัวของเราเอง และต้องประกอบกับการได้รับโอกาสที่ดีด้วย ทีนี้มาดูในรายละเอียดกันดีกว่าว่าเราต้องเตรียมความพร้อมและหาโอกาสกัน อย่างไร
ความพร้อม เราต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องความรู้ ทักษะ ความสามารถ โดยใน แต่ละวันที่ผ่านไป เราควรคิดเสมอว่า เราได้รับความรู้ ทักษะ และมีความสามารถอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง หากในแต่ละวันที่ผ่านไปเราไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นเลย ก็เป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วง เพราะโลกไม่เคยหยุดหมุน และคนอื่น ๆ ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
หากเราไม่พัฒนาอะไรเพิ่มขึ้น ก็เหมือนกับว่าเราถอยหลังลงทุกวัน
ดังนั้น เราต้องเตรียมความพร้อมของตนเองโดยการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยหลักของการพัฒนาคือ การกำหนดเป้าหมายที่เราต้องการไปถึงอย่างชัดเจน และพิจารณาว่าอะไรที่จะทำให้เรามุ่งสู่เป้าหมายนั้นได้ จากนั้นก็พัฒนาปรับปรุง ให้ตนเองมีความรู้ ความสามารถในเรื่องนั้น ๆ เพื่อความพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
โอกาส บางครั้งเรามักคิดว่า ตัวเราเองก็มีความเก่ง แต่เราไม่มีโอกาสจึงทำให้สู้เพื่อนไม่ได้ ซึ่งหากเราคิดแบบนั้น แสดงว่าเราเป็นคนที่คอยโอกาส ซึ่งจริง ๆ แล้วคนเก่งจะไม่เป็นฝ่ายรอคอยโอกาส แต่เขาจะเป็น ผู้สร้างโอกาสขึ้นมาเอง สร้างจนกระทั่งมีโอกาสมากมายให้เขาเลือก
และเขาจะเป็นผู้บริหารโอกาสนั้นเอง เช่น กรณีที่เราต้องการที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน เราจะไม่นั่งรอว่าเมื่อไหร่หัวหน้าจะมอบหมายงานสำคัญให้เราทำสักที เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสแสดงฝีมือบ้าง แต่เราจะเป็นผู้เสนอตัวขอรับทำงานที่สำคัญเอง และทำงานนั้นอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้หัวหน้าเห็นฝีมือของเรา
ดังนั้น หากเราอยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต เราคงต้องลุกขึ้นมาสร้างความพร้อมโดยการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และสร้างโอกาสขึ้นมาเอง เพื่อให้เรามีโอกาสที่มากมาย จนเราต้องเป็นฝ่ายเลือกใช้โอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเรา ถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ชัดแล้วว่า การที่เราจะสำเร็จตามที่เรามุ่งหวังนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "คนอื่น" เลย แต่ขึ้นอยู่กับ"ตัวเรา" ทั้ง สิ้น ตัวเราที่จะสามารถกำหนดระดับความสำเร็จของเราได้เอง ตัวเราที่ไม่ใช่แค่คิดอยากจะสำเร็จ แต่เป็นตัวเราที่คิดและลงมือทำเพื่อความสำเร็จ

ที่มา : ประสิทธิ์ องอาจตระกูล ผู้บริหารงานสรรหาพนักงาน บมจ.ธนาคารกสิกรไทย



มองงานของคุณในมุมบวก


แม้ว่าข่าวเศรษฐกิจจะชี้แนวโน้มคนว่างงานไว้เสียจนน่าหวั่นใจ แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าคุณจะตกงาน หรือยังมีงานทำอยู่ก็ตาม สิ่งที่หนึ่งสังเกตเห็นได้ชัดในบรรดาคนที่ยังมีงานทำอยู่ก็คือ พวกเขาจะรู้สึกรักงานที่ทำมากขึ้น เพราะอย่างน้อยมีงานทำก็ยังดีกว่าตกงาน..จริงไหม 
คิดบวกช่วยให้ชีวิตของคุณเป็นสุขมากขึ้น
แม้ว่างานของคุณจะเหนื่อยยากลำบากสักเท่าไรหรือ ค่าตอบแทนอาจจะน้อยไปสักหน่อย แต่คุณก็สามารถมีความสุขได้ เพียงคุณมองงานของคุณในมุมบวก

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร จง มีความสุขกับงานที่ทำ และทำมันให้ดีที่สุดเหมือนเดิม อย่าให้เรื่องของพิษเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานของคุณ หรือถ้าจะมีก็ควรให้มันเป็นแรงผลักดันคุณให้ทำงานหนักขึ้นเพื่อพิสูจน์ให้ นายจ้างเห็นว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ และคุณคือคนนั้น คนที่พร้อมจะอุทิศตนเพื่อบริษัทที่คุณรักในทุกสถานการณ์ และคุณมีค่ามากพอที่บริษัทจะรักษาคุณไว้
คุณเป็นคนที่โชคดี บอกตัวเอง ไว้เสมอว่า ในขณะที่หลายคนตกงานแต่คุณยังคงมีงานทำ แม้ว่ารายได้ ค่าคอมมิชชัน โอที อาจลดลงไปบ้าง คุณก็ประหยัดให้มากหน่อย ใช้จ่ายให้น้อยลง รู้จักบริหารเงินที่มี คุณก็สามารถมีเงินเหลือเก็บได้ ดีกว่าต้องตกงาน และมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับ ยิ่งในภาวะเช่นนี้ งานหายาก ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้งาน เงินที่เก็บไว้ก็มีแต่จะร่อยหรอลงไปเสียอีก
ความสุขไม่ได้อยู่ที่ค่าจ้างเสมอไป แม้งานของคุณจะไม่ได้สร้างรายได้ให้คุณอย่างมากมายนัก แต่บางคนก็พอใจกับสิ่งที่ได้ทำ มากกว่าเงินที่ได้รับ บางคนลาออกจากงานประจำที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ มาทำงานอาสาสมัครเพื่อสังคมในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร การที่เรามองว่างานของเรามีคุณค่า มีประโยชน์ต่อผู้อื่น มีประโยชน์ต่อสังคม แม้จะได้เงินน้อยก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องเงินเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น คิดได้เช่นนี้เราก็จะมีความสุขได้
เรื่องเล็กน้อยก็สร้างความสุขได้ ข้อดีของงานที่คุณทำอาจอยู่นอกเหนือจากเรื่องงานก็ได้ เช่น คุณมีเจ้านายที่เข้าใจลูกน้อง คุณมีเพื่อนร่วมงานที่คอยเป็นกำลังใจ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน หรือแม้แต่วิวด้านนอกที่มองจากโต๊ะทำงานของคุณที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายทุก ครั้งที่มองออกไป ทุกอย่างรอบตัวคุณถ้าคุณมองให้สวยงามมันก็จะสวยงามอย่างใจต้องการ

ที่มา : JobsDB

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีสร้างความสุข และสนุกกับงาน


     เพื่อนพนักงานเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เรามีความสุขกับงานที่ทำอยู่หรือไม่ หากเราเริ่มรู้สึกว่าเกลียดวันจันทร์ ไม่อยากลุกจากเตียงมาทำงาน หรือ เดินเข้าที่ทำงานแล้วปวดหัวทุกที นั่นเป็นอาการที่เราเริ่มไม่มีความสุขกับการทำงานแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะโดยปกติแล้วเราต้องใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานไม่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวัน แถมบางคนอยู่มากกว่านั้นอีก หากไม่มีความสุขก็แย่เลย
แนะนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการสร้างความสุข และสนุกกับงานที่ทำ

สิ่งแรกคือเรื่องของจิตใจ เราต้อง "รักในงานที่ทำ" จริงอยู่ทุกคนอยากได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก แต่บางครั้งด้วยปัจจัยต่าง ๆ อาจทำให้เรายังไม่ได้ทำในสิ่งนั้น ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ รักในสิ่งที่ตนเองทำ โดยการมองเห็นคุณค่าของงานที่เราทำอยู่ ภาคภูมิใจที่ได้ทำงาน และมุ่งมั่นตั้งใจในสิ่งที่ตนเองทำให้ดีที่สุด
หลังจากเราเริ่มรักในงานที่เราทำแล้ว ลำดับต่อไปเราคงต้องทำงานอย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยการ "ตั้งเป้าหมายในการทำงานของตนเอง" การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีความหวัง สร้างความมุ่งมั่นให้เรา โดยขอให้แตกเป็นเป้าหมายย่อย เพื่อให้เห็นผลสำเร็จได้เร็ว และเมื่อสำเร็จแล้วเราก็ให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ตัวเองด้วย โดยอาจจะเป็นคำพูดก็ได้ว่า "เราก็เก่งเหมือนกันที่ทำเรื่องนี้สำเร็จ" หรือ ซื้อของขวัญที่มีมูลค่าไม่มากนักให้แก่ ตัวเอง
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ให้ถือเรื่องการตั้งเป้าหมาย
เปรียบประดุจการเดินทาง คือ ขอให้มีความสนุก ในทุก ๆ วันของการเดินทาง ไม่ใช่จะต้องรอให้สำเร็จแล้วถึงจะมีความสุขเท่านั้น
สุดท้ายในการทำงานเราต้อง "ไม่คิดเล็กคิดน้อย " เพราะในแต่ละวัน เราต้องพบลูกค้า หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ซึ่งบางครั้งอาจจะมีความไม่เข้าใจกัน หรือ มีคำพูดบางคำพูดที่ทำให้เราไม่สบายใจ ซึ่งเราไม่ควรนำมาคิดเล็กน้อยคิดน้อย เพราะบางครั้งผู้พูดก็ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เรากลับเก็บนำมาคิด ทำให้เราเกิดความทุกข์หรือความเครียดไปเปล่า ๆ เราต้องไม่ให้คำพูดหรือการกระทำของใครมาทำให้เราเสียใจ เพราะสุขหรือทุกข์เราต้องเป็นผู้กำหนดเองครับ
คนที่ทำงานด้วยความสุข และสนุกกับการทำงาน ถือเป็นคนโชคดีที่สุด
เพราะได้ทั้งผลตอบแทน ฐานะทางสังคม ความก้าวหน้า อีกทั้งได้รับความสุขไปพร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งต่อตัวเราเองครับ

ที่มา : ประสิทธิ์ องอาจตระกูล ผู้บริหารงานสรรหาพนักงาน บมจ.ธนาคารกสิกรไทย

ให้ความคิดกำหนดเส้นทางความสำเร็จของชีวิตคุณ


     สำเร็จแถวหน้า ไม่มีใครที่ได้มาง่าย ๆ หรือได้มาได้มาแบบฟลุค ๆ เพราะนั่นไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง คนที่ได้อะไรมาง่าย ๆ มักจะไม่รู้จักรักษาสิ่งเหล่านั้นให้อยู่กับตนอย่างยาวนาน เหมือนกับคนที่ถูกหวย ที่คิดว่าเดี๋ยวก็ถูกอีก จึงไม่คิดที่จะใช้จ่ายอย่างประหยัด หรือเก็บออมไว้ใช้ในอนาคต สุดท้ายเงินมากมายที่ได้มาก็หมดไป ในทางกลับกัน คนที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาอย่างยากลำบาก จะเห็นคุณค่าและภาคภูมิใจในความสำเร็จของตน คนเหล่านี้รู้จักที่จะรักษาความสำเร็จนั้นให้อยู่กับตนตลอดไป ความคิดที่แตกต่างกันเช่นนี้เองจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงลักษณะของคนที่จะ ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

แล้วคนที่เขาประสบความสำเร็จเขาต้องคิดกันอย่างไร???
คำตอบอยู่ตรงนี้แล้ว...
  1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ทุกคน ควรมีเป้าหมายระยะยาวกำหนดไว้เป็นธงของตนเอง และมุ่งมั่น ฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อคว้าธงนั้นให้จงได้ การมีเป้าหมายระยะยาวที่ชัดเจนหรือแรงปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จจะช่วยทำ ให้คุณมองข้ามอุปสรรคที่พบเจอระหว่างทาง มองความผิดพลาดและความล้มเหลวเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของคุณ
  2. คิดก่อนพูด ในการทำงานร่วมกับ ผู้อื่นนั้น การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ ควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูดออกไป ควรรู้ว่าจะพูดกับใคร พูดเกี่ยวกับอะไร พูดอย่างไร พูดเมื่อไร และพูดที่ไหน เพื่อให้สิ่งที่เราพูดนั้นเหมาะสมที่สุด หรือแม้แต่ในเวลาที่เกิดอารมณ์โมโห ไม่พอใจเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้างาน คุณจะต้องควบคุมสติให้มั่น อย่าพูดเพียงเพราะอารมณ์พาไป และเมื่อพูดไปแล้วต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของคุณด้วย
  3. ยึดมั่นในคุณธรรม เป็นคนเก่ง แล้วต้องเป็นคนดี มีจุดยืนในการทำงาน อย่าให้ผลประโยชน์ในระยะสั้นมาทำให้คุณหวั่นไหว และเผลอไผลออกไปจากเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ตัดสินใจบางอย่างผิดพลาด และต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง การรู้ผิดรู้ชอบ รู้จักยับยั้งชั่งใจ และกล้าปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่จะขึ้นไปปกครองคน คนที่มีคุณธรรมเท่านั้นจึงจะปกครองคนได้อย่างยุติธรรมและเป็นที่ยอมรับ นับถือแก่บุคคลทั่วไปและผู้ใต้บังคับบัญชา
  4. ล้มแล้วลุกเพื่อสู้ต่อ เส้นทางสู่ความสำเร็จย่อมมีอุปสรรคคอยบั่นทอนกำลังใจของเรา แต่หากเรามองความผิดพลาดในทุก ๆ ครั้ง คือพลังคูณสองให้เราลุกขึ้นเผชิญกับมัน เปลี่ยนความกลัวให้เป็นความท้าทาย รู้สึกตื่นเต้นกับอุปสรรคใหม่ ๆ ที่จะต้องพบเจอ สนุกกับการเอาหาทางชนะมันให้ได้ แต่อย่ามุ่งเอาชนะจน "แพ้ไม่เป็น" เพราะมันจะทำให้คุณไม่มีภูมิคุ้มกันความผิดหวัง
  5. คิดบวกเสมอ คนที่คิดกลัวไปก่อนว่ามันยาก มันยิ่งใหญ่เกินไปที่จะทำให้สำเร็จก็จะพบแต่ความพ่ายแพ้เท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมุมมอง มองว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ไม่มีอะไรเกินความพยายามของคุณ ถ้าคนอื่นทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน หมั่นให้กำลังใจตนเองด้วยการคิดบวกเสมอ แล้วคุณจะพบกับความสำเร็จในที่สุด
ที่มา : JobsDB

5 ทักษะของคนทำงานมืออาชีพ


     การแข่งขันในโลกธุรกิจนั้น ยิ่งอยู่ในองค์กรใหญ่การแข่งขันยิ่งสูงมากขึ้น ใครที่อยากได้งานดีในบริษัทชื่อดังต้องขวนขวายให้มาก หมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน ใครเตรียมตัวมาดีมีพื้นฐานแน่นย่อมได้เปรียบ มีโอกาสได้งานสูง และเมื่อได้เข้าทำงานแล้วก็ยังคงต้องแข่งขันเพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพราะหากใครเชื่องช้า คงหาโอกาสก้าวหน้าได้ยาก

ทักษะที่จำเป็นต่อการแข่งขันของคนทำงานใน ปัจจุบันได้แก่ ทักษะในการฟัง ทักษะในการการเขียน ทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ ทักษะในการจัดการปัญหา และทักษะในการจัดการกับเวลา เพราะฉะนั้นผู้หางานจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม ฝึกฝนและพัฒนาทักษะทั้งหลายเหล่านี้ให้มีพร้อมอยู่ในตัว เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้อย่างมั่นใจ
1. ฟังให้เข้าใจ
ทักษะในการฟังที่ดีจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ฟังหัวหน้าสั่งงานเข้าใจ คุยกับเพื่อนร่วมงานรู้เรื่อง คุยกับลูกค้าราบรื่น เมื่อฟังเข้าใจก็สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งสามารถคิดแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทักษะนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานเป็นทีมเวิร์กที่คนในทีมจะต้องฟัง กันให้เข้าใจในวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และวิธีการทำงานของทีม สมาชิกในทีมจึงจะสามารถทำงานประสานกันได้อย่างราบรื่นลงตัว 
2. เขียนให้ชัดเจน
ไม่ว่างานของคุณกำหนดให้คุณต้องใช้ทักษะการเขียนในรูปแบบใด เพียงจดบันทึกข้อความสั้น ๆ หรือการเขียนรายงานเต็มรูปแบบ หัวใจของการเขียนก็คือการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ สามารถส่งสารไปยังผู้รับหรือผู้อ่านได้อย่างครบถ้วนชัดเจน ก่อนจะเขียนจึงควรจัดลำดับความสำคัญของประเด็นต่าง ๆ ที่คุณต้องการจะบอก เรื่องไหนสำคัญและเร่งด่วนให้เอาขึ้นก่อน อีกทั้งยังต้องรู้จักการสรุปใจความสำคัญ รวมถึงการแจกแจงอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยในประเด็นต่าง ๆ เป็นข้อ ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับง่ายขึ้น 
3. เทคโนโลยีอย่าให้ล้าหลัง
เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์พื้นฐานอาจไม่เพียงพอ Microsoft Office อย่างเช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook แบบงู ๆ ปลา ๆ ไม่ช่วยให้คุณสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ ต้องรู้จักลูกเล่นใหม่ ๆ หรือการใช้งานในระดับที่สูงขึ้น รู้ลึกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณทำงานได้สะดวกรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ 
นอกจากนี้การรู้ลึกซึ้งในโปรแกรมเฉพาะของแต่ละสายงานก็จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำงานในสายงานนั้น ๆ ด้วย
ในโลกออนไลน์ก็มีหลายโปรแกรมที่จำเป็นต้องเรียนรู้ อินเทอร์เน็ตจำเป็นมากต่อการค้นหาข้อมูลอย่างฉับไว ทันใจทันความต้องการ เพราะข้อมูลมากมายอยู่เพียงปลายนิ้วคลิกเท่านั้น นอกจากนี้การรับ-ส่งอีเมล รวมถึงการจัดระเบียบอีเมลก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องสามารถใช้งานได้เป็น อย่างดี 
4. จัดการกับปัญหาได้
เมื่อถึงช่วงเวลาคับขันที่ต้องตัดสินใจจัดการกับปัญหา คนที่สามารถประเมินสถานการณ์หรือเข้าใจปัญหาได้เร็ว ไหวตัวเร็ว คิดแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาดและทันท่วงที จะเป็นผู้ที่โดดเด่นออกมาจากคนอื่น ๆ ดังคำกล่าวที่ว่า "สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ" หากคุณฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหาอยู่ตลอด คุณก็จะเป็นคนคิดไว ถี่ถ้วน รอบด้าน และสามารถคิดแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทันท่วงที และอาจได้เป็นวีรบุรุษในสถานการณ์หนึ่งก็ได้ 
5. จัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม
เมื่อคุณต้องทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน การจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมจะทำให้คุณผ่านพ้นช่วงวุ่น ๆ ที่รู้สึกว่างานล้นมือได้อย่างไม่ยากเย็นนัก การจัดสรรเวลาทำได้โดยการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องทำ อันไหนควรทำก่อน อันไหนรอได้ หรืออันไหนสามารถมอบหมายให้คนอื่นทำได้ จัดระเบียบโต๊ะทำงานให้สามารถหยิบจับเอกสารที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาไปกับการค้นหาเอกสารเพียงแผ่นเดียวจากกองเอกสารมากมายบนโต๊ะทำงาน 
ที่สำคัญที่สุดคือการมีงานส่งตรงเวลา อีกทั้งยังมีเวลาเหลือสำหรับการตรวจทานและแก้ไขข้อผิดพลาดก่อนส่งงานอีกด้วย
คนทำงานมืออาชีพต้องไม่หยุดเรียนรู้ พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรยากเกินไป ถ้าตั้งใจฝึกฝน ทักษะเหล่านี้จะติดตัวคุณไป ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนก็สามารถแข่งขันกับคนอื่น ๆ ได้เสมอ

ที่มา :JobsDB

คุณสมบัติของคนที่จะเป็นผู้บริหาร


      หากตอนนี้คุณยังเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จ ก้าวต่อไปที่คาดวาดหวังไว้ คือการได้เลื่อนขั้น เป็นหัวหน้า เป็นผู้จัดการ และเป็นผู้บริหาร ความฝันของคุณจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อคุณลงมือทำเท่านั้น มาดูกันว่า คุณสมบัติของคนที่จะเป็นผู้บริหารนั้นเป็นอย่างไร แล้วกลับมาสำรวจตัวเองว่า มีคุณสมบัติเช่นนั้นแล้วหรือยัง

เป็นคนซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์นั้นมีความสำคัญยิ่งกว่าความสามารถภายนอกเสียอีก คนที่ก้าวสู่ตำแหน่งผู้บริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดมั่นในความซื่อสัตย์ไปตลอด ความซื่อสัตย์ก็จะส่งให้เขาเป็นคนที่น่าเคารพนับถือของผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดไป
กระตือรือร้น มีชีวิตชีวาในการทำงาน
ผู้บริหารจะต้องเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง และมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เสมอ เพราะองค์กรไม่อาจประสบความสำเร็จได้หากมีผู้บริหารที่เฉื่อยชา และทำงานไปวัน ๆ 
หนักเอาเบาสู้
คนที่จะเป็นผู้บริหารได้ ต้องพร้อมที่จะรับงานทุกอย่าง โดยไม่เลือกงานหรือเกี่ยงทำแต่เฉพาะที่ตนเองสนใจเท่านั้น เพราะคนเหล่านี้ในระยะยาวแล้วไม่อาจบริหารองค์กร ผู้บริหารที่ดีจึงต้องพร้อมกระโจนเข้าใส่งานทุกประเภทไม่ว่างานนั้นจะยาก หรือง่าย จะหนักหรือเบาก็ตาม ด้วยจิตวิญญาณแล้วต้องสามารถสู้กับทุกปัญหาได้
เรียนรู้ตลอดชีวิต
นิสัยรักการเรียนรู้จะทำให้บุคคลนั้นมีความคิดที่ก้าวหน้า การหมั่นเพิ่มพูนความรู้อยู่เสมอ สนใจแนวคิด วิทยาการ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เปิดกว้างที่จะยอมรับฟังผู้อื่น ไม่ยึดติดอยู่กับความคิดตัวเอง คนเช่นนี้จึงจะเป็นผู้บริหารที่ดีได้
คิดเป็น-ทำเป็นทีมได้
คนที่จะเป็นผู้บริหารจะต้องมีความโดดเด่น เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น คือมีการแสดงให้เห็นว่าเป็นคนคิดเป็น ไม่ใช่คนที่จะอยู่นิ่ง ๆ รอรับคำสั่ง แต่จะมีการเสนอความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ เสนอแนวทางแก้ปัญหาอยู่ตลอด นอกจากคิดเป็นแล้ว ยังจะต้องทำงานเป็นด้วย โดยเฉพาะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น สามารถทำงานเป็นทีมได้
คิดแง่บวก
คนที่มีความคิดในแง่ลบจะนำความล่มจมมาสู่องค์กร ด้วยความที่คิดว่า "ทำไม่ได้" จึงไม่เกิดความพยายามที่จะ "ทำให้ได้" ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมือทำ แต่ก็ถือว่าล้มเหลวเสียแล้ว คนที่จะเป็นผู้บริหารจะต้องคิดเสมอว่า "ทำได้" และพยายามหาวิถีทางว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ แล้วลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น ความคิดบวกนี้เองที่ส่งผลให้เขาไปสู่ความสำเร็จ
ยินดีเสียสละ
ผู้บริหารต้องเป็นคนที่ยินดีเสียสละความรู้ความสามารถ และอุทิศตนให้กับองค์กรด้วยความเต็มใจและไม่ย่อท้อ รวมทั้งยินดีถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปช่วยกันนำมาองค์กรไปสู่ความเจริญก้าวหน้าด้วย
ตำแหน่งผู้บริหารถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาองค์กรสู่ ระดับแนวหน้า หรือว่าจะล้าหลังถอยหลังลงคลอง ดังนั้นการจะได้เป็นผู้บริหารนั้นจึงต้องมีคัดสรรอย่างเข้มข้น เรียกได้ว่าคั้นเอาแต่หัวกะทิจริง ๆ คุณสมบัติตามที่ได้กล่าวมาทั้ง 7 ข้อนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารที่ดีในอนาคตได้ อย่างแน่นอน

ที่มา : JobsDB

บันได 10 ขั้นสู่ความสำเร็จในการทำงาน


เมื่อก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน คนเราควรตั้งเป้าหมายของชีวิตเตรียมไว้ว่าภายในกี่ปี จะขึ้นไปอยู่ในจุดใด ตำแหน่งใด เพราะการมีเป้าหมายจะทำให้เรากำหนดทิศทางการทำงาน การปฏิบัติตัวของเรา เพื่อให้ไปถึงจุดนั้นได้ในเวลาที่กำหนด ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักพูดแนะนำอยู่เสมอถึงวิธีการที่พวกเขาปฏิบัติตัว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนทำงานมาแล้วหลายต่อหลายรุ่น ดังนี้

  1. ข้อแรกเลยที่จะทำให้คุณทำงานได้ดี คือ ต้องสนุกสนานกับงานที่ทำ เมื่อคุณทำงานด้วยความสนุก คุณจะมีแรงขับ ในการพยายามที่จะทำงานให้ได้ดีที่สุด และประสบความสำเร็จ
  2. นอกจากสนุกสนานแล้ว ยังต้องใส่ความเอาจริงเอาจังมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จลงไปด้วย ความเพียรพยายาม จะนำพาคุณไปพบกับความสำเร็จในที่สุด
  3. ความเชื่อมั่นในตนเองต้องมีอยู่เสมอ เพราะนั่นจะทำให้คุณกล้าคิดกล้าทำ ซึ่งจะทำให้คุณได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ ที่มักทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี ชอบทำตามที่คนอื่นคิด มากกว่าชอบแสดงความคิดเห็น
  4. มีความคิดสร้างสรรค์ สิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้จากความคิดสร้างสรรค์ ถ้าคุณเป็นนักคิด รับรองได้ว่า คุณจะเป็นที่ต้องการของทุกองค์กรอย่างแน่นอน แม้ว่าวันนี้ยิ่งที่คิดอาจจะยังไม่เวิร์ก แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดคิด สักวันมันต้องเวิร์ก
  5. เมื่อคนจากหลากหลายสังคมมาอยู่รวมกันในสังคมใหม่ สิ่งที่ต้องการคือการปรับตัวได้รวดเร็ว คุณอาจต้องเพิ่ม หรือลดพฤติกรรม หรือนิสัยบางอย่างของคุณ เพื่อให้เข้ากับสังคมในที่ทำงานให้ได้อย่างรวดเร็ว
  6. มีทีท่าในทางบวก คนที่คิดบวกจะแสดงท่าทีในทางบวก ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักและชื่นชมของคนรอบข้าง
  7. เรื่องความมีระเบียบวินัยเป็นสิ่งที่ทุกคนถูกสอนมาตั้งแต่เล็ก ๆ อยู่แล้วในการทำงานก็เช่นกัน ต้องมาทำงานตรงเวลา ส่งงานตรงเวลา ปฏิบัติตามกฎบริษัทอย่างเคร่งครัด
  8. มีความซื่อสัตย์ และช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ คนดี มีน้ำใจ อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรักเอ็นดู และคอยสนับสนุน ให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
  9. กล้าหาญที่จะเสี่ยง แน่นอนว่าไม่มีงานใดที่จะราบรื่นไปเสียทุกงาน เมื่อพบเจอกับอุปสรรค คุณต้องกล้าพอที่จะเสี่ยง เพื่อก้าวข้ามพ้นอุปสรรคไปให้ได้
  10. สุดท้าย ถึงแม้ว่าที่กล่าวมาข้างต้นคุณจะมีดีพร้อมหมดแล้วทุกอย่าง แต่หากคุณไม่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้น คุณจึงควรพัฒนาการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นอยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถถ่ายทอดแนวคิดต่าง ๆ เข้าถึงทุกคนได้อย่างแม่นยำ
ที่มา : JobsDB

สูตรไปสู่ความสำเร็จ


1. ทำงานอยู่เสมอ
2. อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย
3. อย่าเป็นทุกข์ล่วงหน้า
4. ต้อนรับสิ่งที่หนีไม่พ้นด้วยความสงบ
5. อย่ายอมเป็นทาสของอดีต
6. หัดวิเคราะห์ทุกข์
7. ค้นหาต้นเหตุของทุกข์แล้วกำจัดเสีย
8. ทำจิตให้เป็นอิสระไม่ตกเป็นทาสของมายาธรรม
9. ตระหนักแน่ว่าสิ่งทั้งปวงเป็นไปตามเหตุปัจจัย
10. ความเป็นผู้มีเหตุผล
11. การเล็งเห็นคุณและโทษของสิ่งที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง
12. พยายามมองบุคคลและเหตุการณ์ต่างๆในแง่ดีตามสมควร
13. การทำจิตให้สงบโดยวิธีสมาธิ

นิสัยจริงๆ 12 เดือน


เห็นนิสัย คนใกล้ตัว 12 คนในโลก
คนเกิดเดือนมกราคม
เป็นคนค่อนข้างรอบคอบ ระมัดระวังวิตกจริต คิดมากตลอดเวลา ในบางคนก็ชอบเก็บสะสมของเก่า ของโบราณ รู้จักเก็บ มัธยัสถ์ งก ขี้เหนียว เสียดายของ ประหยัด ชอบที่จะแชร์ค่าใช้จ่าย มองกำไรขาดทุนไว้ก่อนเสมอ ดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จริง ๆ แล้วฉลาดจึงสามารถเป็นนักธุรกิจที่ดีได้ ทะเยอทะยาน ชอบเอาชนะ บางทีก็คิดเล็กคิดน้อยอะไรไม่รู้ เชื่อมั่นในตัว เองสูงมาก ทรหดอดทนเป็นยอดเลยล่ะ โดยเฉพาะในเรื่องงานแล้วล่ะก็บ้างานมาก บ้านจนทำให้บางทีความรักที่มีอยู่จืดไปเลย จะแต่งงานช้าก็เพราะมัวแต่เลือกมากคิดมากอยู่ นั้นแหละ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความรักสักเท่าไหร่ ถ้างานที่ต้อรับผิดชอบนั้น ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เป็นนักปฏิบัติ แต่ในด้านความรัก ก็ใช่ย่อยมีเสน่ห์ล้ำลึกนัก มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็ขี้หงุดหงิดเอาแต่ใจตัวเอง แต่ทำเป็นขรึมเย็นชาซะอย่างนั้นแหล่ะ บางทีก็ชอบเก็บตัวชอบสร้ากำแพง ทำเป็นหยิ่งแต่จริง ๆ กลับเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร สงบนิ่ง เจ้าระเบียบซะอีกแน่ะ รักเกียรติยศชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ ทำอะไรไม่ค่อยพึ่งใครชอบทำเอง แต่ก็เป็นคนมีบุญ มักได้คู่ดี
คนเดือนกุมภาพันธ์
มักเป็นคนที่มีอุปนิสัยร่าเริง เพื่อนฝูงมากมาย เพราะเป็นคนที่ตองการมิตรที่แท้จริง แต่ก็มักไม่ค่อยมีเพื่อน และที่ สำคัญมีเพื่อนแท้น้อยมาก ชอบอยู่ในแวดวงสังคมที่ดี เพราะเป็นคนที่สามารถยิ้มแย้มแจ่มใสได้กับทุกสถานการณ์ ถึงแม้ว่าตนเองจะทุกข์อยู่ก็ตาม ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข เป็นคนที่ช่างพูดช่างคุย ตีหน้าได้เก่ง มีนิสัยช่างคิดช่างจำแถมยังมีแผนการมากอีกด้วย เชื่อมั่นและมีความเห็นเป็นของตัวเอง ซื่อตรงดี ชอบอิสระไม่ชอบขึ้นกับใคร หรือให้ใครบังคับขู่เข็ญให้ทำ หรืออยู่ใต้การควบคุมของใคร อยากทำอะไรทำเองไม่ต้องมาสั่ง ชอบชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่าถึงแม้ว่าตัวจะต้องอยู่ในสังคมก็ตาม เป็นคนที่มีหัวคิดริเริ่มมีไอเดียอะไรดี ๆ และแปลกใหม่อยู่เสมอ เพราะเป็นคนที่ใส่ใจเรียนรู้และสร้างสรรค์ ตามยุคตามสมัยทันเหตุการณ์ของโลกอยู่เสมอ ชอบเปลี่ยนแปลงจนคนรอบข้างตามไม่ทันหรือคิดไม่ถึงก็มี จริงใจเปิดเผยตรงไป ตรงมา นิสัยไม่ดีคือมักเอาแต่ใจและดื้อรั้นมาก ในบางครั้งก็ดูก้าวร้าวขวานผ่าซากและขี้งอนขี้น้อยอกน้อยใจ เป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ชอบช่วยเหลือเพื่อน ทั้งที่ทำคุณกับใครไม่ค่อยขึ้นหรอก คบกับใครก็ได้ ช่างเลือกด้วย แถมไม่ชอบผูกมัดหรือมีพันธะติดกับใคร จึงหาคู่ที่ ถูกใจยากออกสักหน่อย
คนเดือนมีนาคม
เป็นคนที่ชอบเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน ชอบช่วยเหลือคนอื่นแล้วก็ไปรับแบกภาระซะอย่างนั้นแหล่ะ เข้ากับคนง่าย ปรับตัวได้ดีมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารี มีคุณธรรมสูง ชอบสร้างบุญสร้างกุศล แต่มักเป็นคนที่ขี้เหงา ว้าเหว่ หรือไม่ชอบอยู่ในที่แคบ ๆ มักชอบที่จะอยู่ในที่โล่งแจ้งมากกว่า แต่อารมณ์มักอ่อนไหวง่ายมาก ๆ ในบางครั้งก็ขี้หงุดหงิด จิตใจไม่แน่นอน อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนน้ำ ที่วันนี้ไม่รู้จะอยู่ในโอ่งหรือว่าขวดกันแน่ บางครั้งก็ดูแข็ง บางทีก็อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน ด้วยความใจอ่อนนี่แหล่ะมักทำให้สูญเสียโอกาสดี ๆ ไปเสมอ ดูอ่อนโยนสุภาพแต่ก็มีอารมณ์ที่ก้าวร้าว และปากร้ายได้เหมือนกัน เพราะเป็นคนที่เย็นก็ได้ ร้อนก็ได้ เสียใจง่าย ดีใจง่าย คล้อยตามคนอื่นได้ ไม่ค่อยแข่งขันอะไรกับใคร มักพอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลางสิ่งลี้ลับ และชอบที่จะจดจำเรื่องเก่า ๆ หลงรักใครได้ง่าย ๆ และมักจะจมอยู่กับรักเก่า ๆ นั้น แบบพวกมีรักฝังใจไม่ยอมลืม แต่กับบางเรื่องกลายเป็นคนที่ขี้ลืมบ่อย ๆ เหมือนคนแก่ และก็เป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจใฝ่หาอะไรที่มันใหม่ ๆ ซะด้วยซิ ยกเว้นชอบที่จะซื้อรองเท้าใหม่ ๆ อยู่เรื่อยเลย ว่ากันว่าใครที่เกิดในเดือนนี้เท้าสวยแล้วจิตใจจะดีแถมเป็นคนชอบชิมชอบกินเสียด้วยซิ
คนเดือนเมษายน
เป็นคนที่มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ อยากรู้ อยากเห็น อยากได้อยากเป็นไปเสียหมด พอรู้พอเห็นแล้วก็เบื่อ ไม่เอาแล้ว อยากได้ของใหม่อีกแล้ว คือ เป็นคนขี้เบื่อเหมือนเด็ก ๆ ไม่ค่อยยอมฟังใครง่าย ๆ กล้าได้กล้าเสียไม่ค่อยกลัวอะไร ลุยลูกเดียว แล้วก็เจ็บ แถมเจ็บไม่รู้จักจำอีกด้วย ชอบกลับไปทำซ้ำใหม่แล้วก็เจ็บอีก บางทีก็ชอบทำเรื่องง่าย ๆ ให้เป็นเรื่องยากได้ จู้จิ้จุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ได้ แต่เป็นคนที่น่าคบนะเพราะเป็นคนที่จริงใจตรงไปตรงมา ไม่ชอบเอาใจใครหรือเย ินยอใคร ชอบไม่ชอบบอกกันตรง ๆ เลย แบบว่าถือของให้ใครก็ไม่เป็น ไม่ชอบผูกมัดชอบอิสระ ชอบที่จะให้คนมาเอาใจมากกว่า และมักจะหึงและหวงคนรักนะ เพราะถ้ามีรักเมื่อไร จะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักแบบบริสุทธิ์ใจซะด้วยซิ ทะเยอทะยานใจร้อน ทำอะไรก็รวดเร็วทันใจ เดินยังดูรีบ ๆ เลย มีอารมณ์รุนแรงขี้โมโหหงุดหงิดง่าย แต่ก็หายเร็ว ทำอะไรหุนหันพลันแล่น อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นจะอึดอัดหงุดหงิด เครียด ต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น ชอบออกกำลังกาย หรือทำอะไรที่มันดูเป็นภาคสนามสักหน่อย จะสบายใจกว่าให้นั่งเฉย ๆ ใครอยากเป็นแฟนต้องเข้าใจและเอาใจ อย่าปล่อยให้เหงาเชียวแหล่ะ
คนเดือนพฤษภาคม
เราจะเห็นว่าเดือนนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปวัวเพราะฉะนั้นต้องเข้าใจก่อนเลยว่า คนที่เกิดในเดือนนี้มักต้องทำเพื่อคนอื่นและต้องอดทนอย่างมาก เหมือนวัวนั่นแหล่ะ ดื้อรั้นเงียบแบบสงบเสียด้วยซิ มักเป็นคนที่ด ูจะนิ่ง ๆ ไม่ค่อยแสดงออกสักเท่าไหร่ เป็นคนที่โกรธใครยาก แต่ถ้าโกรธนานเชียว แล้วถ้ามีใครมาแหย่ ให้โกรธเข้าล่ะก็ คุณแกจะกลายเป็นวัวกระทิงทันทีเลยล่ะ เป็นคนที่รักสวยรักงาม สะอาด รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำอะไรถูกกาลเทศะ ความคิด ความอ่านมักค่อนข้างหัวโบราณสักหน่อย เป็นบุคคลที่เปลี่ยนแปลงอะไรยากมาก ๆ เช่น การกิน หรือความเชื่อ ใครบอกก็ไม่เปลี่ยน นอกจากตัวเองจะเปลี่ยนแปลงความคิดหรือการกระทำเอง ไม่ค่อยยืดหยุ่นกับชีวิต ชอบคิดว่าฉันเป็นฉันเอง เป็นคนที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ สงบ ๆ อยู่คนเดียวก็ได้ อยู่กับเพื่อน ๆ ก็ได้ โคตรอดทนและบึกบึนมาก งานทำได้ทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ได้หมด แถมเป็นคนมัธยัสถ์ ประหยัด ชอบเก็บสะสมทรัพย์สินอีกด้วย เรียกว่าเศรษฐีได้เลย แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เองหรอกชอบให้คนอื่น ยิ่งถ้าเป็นคนที่ตัวเองรักแล้วล่ะก็…เต็มที่ไปเลย เป็นคนที่อ่อนไหวต่อความรักมาก รักแล้วทุ่มเทเกินเหตุ มกถือดีเรื่องความรักเสมอ หรือจะชื่นชม ให้กำลังใจหน่อยก็จะดี คนเดือนนี้ชอบให้ชมบ่อย ๆ พวก บ้ายอไง
คนเดือนมิถุนายน
เป็นคนที่ฉลาดมาก มักคิดอะไรได้รวดเร็วกว่าชาวบ้าน คือ มีความถนัดในการใช้สมองมากกว่ากำลัง ชอบคิดชอบพูด ชอบเขียน อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง ต้องการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อความอยู่รอด จึงมักเป็นคนที่ดูทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และในชีวิตมักมีอะไรเข้ามาทีละสองอย่างเสมอ ทำให้ต้องลำบากใจที่จะต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นความรัก หรือ การงาน ความคิดก็มักลังเล รักพี่เสียดายน้องอยู่นั่นแหล่ะ เป็นคนที่มีความสามารถหลายอย่าง สามารถทำอะไรหรือคิดอะไรได้ หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน บางทีกลายเป็นคนสองบุคลิก หรือ คนสองหน้าได้เหมือนกัน สามารถแก้ปัญหาให้ใครต่อใครได้ในพริบตาเชียวล่ะ เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจที่ดีเลยคนเดือนนี้น่ะ ชอบท่องเที่ยวไม่ชอบอยู่กับที่นาน ๆ ชอบเปลี่ยนแปลงอะไรต่อมิอะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนเป็นคนที่ขาดความอดทน เป็ นคนที่ค่อนข้างตรงและเอาแต่ใจตนเอง ไม่ค่อยเก็บความสงสัยเอาไว้ จะถามให้รู้เรื่องไปเลย จะทำอะไรก็เหมือนกันจะต้องทำให้มันสำเร็จ ชนิดไม่เสร็จไม่เลิก มีความว่องไวใจร้อนมากโดยเฉพาะเรื่องงาน ไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้ขี้บ่น หรือซักถามยิ่งเวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องถาม ถ้าอยากบอกจะบอกจะเล่าเอง ด้วยความทันสมัยและชอบเที่ยวจึงเป็นผู้ที่ใช้เงินเปลืองมาก
คนเดือนกรกฎาคม
นับได้ว่าเป็นคนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก ระมัดระวังตัวหวาดระแวงตกใจง่ายไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ รักษาผลประโยชน์รู้จักเก็บออมเงินเก่ง ( ปูมักจะลากทุกอย่างเข้ารู) ถ้าเจอปัญหาเศร้าทุกข์อะไร จะขอหลบไปก่อน ไม่รับโทรศัพท์ ไม่รับแขก ไม่ยอมเจอใคร แต่พอตั้งสติได้จะค่อย ๆ กลับมาแก้ไขและกลับมาเป็นคนเดิมเอง เป็นคนรักบ้าน รักครอบครัวมาก ชอบอยู่กับบ้านและทำกิจกรรมที่บ้านมากกว่าให้ออกนอกบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวกรกฎรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น มีความสุขที่สุด ดูจากภายน อกออกจะแข็งกร้าว ปากแข็งแต่จริง ๆ ภายในอ่อนปวกเปียกมาก ลองดูจากสัญลักษณ์ที่คนโบราณเปรียบเทียบไว้เป็นปูไง มีกระดอง แต่ข้างในนิ่มเชียว มีความอดทนต่อความยากลำบาก ชอบใส่ใจความรู้สึกคนอื่น ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชายมักมีความเป็นแม่อยู่ในตัว มีสัญชาตญาณในการให้ ห่วงใยเอื้ออาทร ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เอาอกเอาใจ (เฉพาะ) คนที่ตัวรัก เก็บรายละเอียดได้ดีไม่ว่าจะเรื่องอะไร โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ หรือพวกรักฝังใจ ไม่ยอมลืม แต่เจ้าอารมณ์ชะมัดเลยล่ะ จู้จี้จขี้บ่น เจ้าระเบียบ ต้องปล่อยให้บ่นไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเองแหละ ต้องระวังเรื่องเครียด เพราะเป็นคนวิตกจริตคิดมาก รักใครแล้วไม่ค่อยปล่อยง่าย ๆ แถมขี้หึงถึงตายเลยล่ะ ( ปูหนีบ)
คนเดือนสิงหาคม
คนที่เกิดในเดือนนี้เหมือนจ้าวป่าจึงมักจะเริ่ดเชิดหยิ่งไว้ก่อนเดินยังเอาหน้าไปก่อนเลย ไม่ค่อยยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ ไม่ง้อใครถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ชอบที่จะเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำมากก ว่าคล้อยตาม ชอบความเป็นอิสระทั้งด้านงานและการใช้ชีวิต ไม่ชอบขึ้นอยู่กับใคร เชื่อมั่นในตัวเองมาก ใจใหญ่ถึงไหนถึงกัน เล็ก ๆ ไม่ ใหญ่ ๆ ทำ รักเกียรติยศชื่อเสียง เสียอะไรไม่ว่า เสียหน้าข้าไม่ยอม ใจร้อนหงุดหงิด ขี้โมโห จริงจังกับชีวิตมากจนกลายเป็นพวกบ้าอำนาจ หรือจอมเผด็จการ ฉลาดหลักแหลม เจ้าปัญญา เจ้าความคิด คิดโน่นนี่ได้ตลอดเวลา แต่บางทีก็ไม่ยอมทำเอง ชอบใช้คนอื่นทำแทน จึงควรเป็นที่ปรึกษานั่นแหล่ะดี เพราะเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อใจหรือไว้ใจใครเลย และไม่ค่อยชอบพึ่งใครด้วย รักเฉพาะพวกพ้องพี่น้องและครอบครัวของตัวเอง สามารถเสียสละให้ได้ทุกอย่าง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนมารัก อยากให้ทุกคนยอมหรือยกย่องตัวเอง อย่าไปขัดใจหรือโต้แย้ง ปกติใครอยู่ด้วยจะน่ารักมาก เพราะจริง ๆ เป็นคนที่ขี้สงสารและชอบให้อภัย หรือให้โดยไม่ค่อยหวังผลตอบแทน เพียงแต่ไม่ชอบที่จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเท่านั้นเอง เป็นคนที่หาเงินเก่งและก็ใช้จ่ายเก่งด้วย ถ้าพอใจอยากได้อะไรต้องได้จะจ่ายไม่อั้น ยังไงก็ต้องรักษา หน้าไว้ก่อน จะหาคู่ครองต้องเป็นคนใจเย็นเป็นผู้ใหญ่กว่า มีปัญญาที่เหนือกว่าจึงจะอยู่กันได้ หรือไม่ก็อยู่ใต้เท้าคุณสิงหาคมแกไปเลยหมดเรื่อง
คนเดือนกันยายน
นับว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาด คล่องแคล่วว่องไว มีเสน่ห์ ไม่ว่าเป็นชาย หรือ หญิงมักมีแต่เรื่องหยุมหยิม มีข้อสงสัย หรือ วิเคราะห์ ทุกอย่างจนเกินเหตุ เป็นคนที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย เพราะชอบเอาแต่ใจทำอะไรตามอารมณ์เหมือนผีเข้า ผีออก ไม่แน่นอน คนอื่นอาจจะงง ๆ เหมือนจะประสาทหลอน แต่จริง ๆ แล้วเพราะเป็นคนที่ละเอียดลออ เอามาก ๆ ชอบสังเกต พิถีพิถันออกแนวหัวโบราณ วิตกจริตคิดมากเท่านั้นเอง ช่างคิดช่างฝันช่างจินตนาการ มินิสัยชอบเปลี่ยนแปลงหรือพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นเขาทำทิ้งไว้ ค้างไว้ ให้เสร็จสมบูรณ์ตามแบบฉบับของตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือชอบ จู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ ชอบจับผิดคนเก่งมาก แต่ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนะ ถึงจะชอบจับผิดก็เถอะ แล้วชอบที่จะช่วยเหล ือชาวบ้านหรือดันไปแบกรับภาระคนอื่นมา จะดูเหมือนเรื่องมาก และเลือกมากไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวต้องดูดีก่อนออกจากบ้านหรืออาหารการกินต้องสะอาด โดยเฉพาะเรื่องความรักมักจะใช้เวลาเลือกค่อนข้างนาน แต่ถ้าได้รักแล้วมักจะรักนานเลยเช่นกัน เป็นคนที่ขยันทำมาหากินมาก บางครั้งประหยัดจนดูเหมือนขี้เหนียว ช่างพูดช่างเจรจา พูดเก่งและแก้ตัวเก่งอย่างมีเหตุผลเสียด้วยซิ ผิดกับการบอกรักกลับเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ปากแข็งมาก ถ้าคิดจะเอ่ยปากบอกรักใครสักคน เวลารักใครชอบรักจนหมดหัวใจ จึงมักโดนคนที่ตนรักหลอกหรือเอาเปรียบอยู่เสมอ
คนเดือนตุลาคม
คนเดือนนี้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวล สะอาดน่ารัก เป็นนักการทูต มีพรสวรรค์ในการเจรจา (กะล่อน) แต่ประนีประนอม หรือ โน้มน้าวจิตใจคนได้ดี เป็นคนค่อนข้างตรงและเอาจริงเอาจัง คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น สามารที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม คล้อยตามมากกว่าขัดใจ ใครว่าอะไรก็ว่าด้ว ย เป็นคนที่มีเสน่ห์ อยู่ในตัวเอง ถ้าไม่หน้าตาดี บุคลิกก็ต้องดูดีมีราศี สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาหาได้อย่างง่ายดาย ในบางคนก็รักสวยรักงานศิลปะ ชอบเข้าสังคมทำอะไรเพื่อสังคม ชอบความสนุกสนานร่าเริง ฟุ้งเฟ้อ ชอบความหรูหรา เป็นคนที่ถ้ารู้จักใคร ถูกชะตาจะรักมาก รักเร็วและทุ่มเทซะเกินเหตุ แต่ถ้านึกอยากจะเลิกก็เลิกเลยแบบไม่มีเหตุผลเช่นกัน เรียกได้ว่ารักง่าย หน่ายเร็ว เป็นคนที่รักพวกพ้องเพื่อนฝูงเอามาก ๆ ใครไม่เป็นพวกข้า ไม่ดีด้วย จนในบางครั้งดูเหมือนดื้อและก้าวร้าวมาก อารมณ์บางครั้งก็ขึ้น ๆ ลง ๆ จะตัดสินใจทำอะไรได้แต่ละอย่างคิดอยู่นั้นแหล่ะ (ลังเล) ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเอง มักต้องรอจังหวะ เหมือนตาชั่ง ( สัญลักษณ์) กว่าตาชั่งที่เอียงไปเอียงมาจะตรงหรือสมดุลกันได้ก็เล่นเอานานเหมือนกัน ขยันทำงานฉลาดในการทำธุรกิจ มีความสุขุมรอบคอบและเยือกเย็นได้แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือมักเชื่อคนง่าย จึงมักมีสิทธิ์โดนหลอกใช้ได้เหมือนกัน
คนเดือนพฤศจิกายน
คนเดือนนี้เป็นคนที่ดูแล้วค่อนข้างจะลึกลับ ถ้าไม่สนิทกันจริงไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง ค่อนข้างไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ มีความระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง เก็บความลับเก่ง ชอบทำตัวลึกลับ มีความในใจซ่อนเร้น มีความสงสัยอยู่ตลอดเวลา มีความทิฐิมานะ วางท่า ไว้ตัว ทำตัวเหมือนหยิ่ง อดทน อดกลั้น แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธฉุนเฉียวขึ้นมาล่ะก็ กล้าเผชิญกับทุกสิ่ง จะหนาไหนหรือใหญ่แค่ไหนก็ไม่ค่อยกลัว ช่างประชดประชัน เหน็บแนมเก่งมาก คำพูดคำจาบางทีชอบพูดแรง ๆ ตรงเกินกว่าที่ ?? นรอบข้างจะรับได้ แต่ก็พูดออกมาจากใจจริงของตัวเองนะ เป็นคนขี้งอนใจน้อย อารมณ์แปรปรวน เอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยสนใจใส่ใจใคร ดูเหมือนดุร้าย ไม่น่าเข้าใกล้ จนบางครั้งคนรอบข้างจะคิดว่าเป็นบ้า แต่แท้ที่จริงแล้ว ทำไปเพื่อจะป้องกันหรือปิดบังอะไรบางอย่าง ที่เป็นปมด้อยในตัวเองที่ไม่อยากให้ใครรู้ เป็นคนฉลาดเจ้าความคิดจะตายไป ชอบพลิกแพลงเอาชนะด้วยมันสมอง ไม่ค่อยช อบใช้กำลังสักเท่าไร มักมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงในการทำธุรกิจ ด้านความรักก็มักแต่งงานช้า หรือหาคนถูกใจยากสักหน่อย เพราะมัวแต่ขี้ระแวงอยู่นั่นแหล่ะ และไม่ค่อยชอบให้ใครมาจู้จี้มากนัก มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็เข้าได้กับทุกคนนะ เพียงแต่คนอื่นอ่านไม่ค่อยออก ก็เท่านั้นเอง
คนเดือนธันวาคม
ด้วยความชอบผจญภัยให้อยากอยู่บ้านแทบตาย ยังไงก็ต้องมีเหตุอันให้ต้องออกจากบ้านจนได้ ในชีวิตมักต้องไปได้ดีเอาไกลบ้าน ไกลเมือง ไกลถิ่นฐานที่เกิด หรือได้คนรักในแดนไกลแล้วชีวิตจะดีกว่า เป็นคนที่มักโชคดีเรื่องการเงิน เป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่นชอบพูด ชอบเล่าอะไรสนุกสนาน จนในบางครั้งเกินความเป็นจริงไปซะไกลเลยเชียว ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากที่ตัวเองรู้ ชอบพัฒนาชอบสำรวจ สามารถให้คำปรึกษากับคนรอบข้างได้ดี เพราะเป็นผู้รอบรู้และเป็นนักวางแผนที่ดีได้ เป็นคนที่ฉลาดแ ละรอบคอบ คิดสร้างสรรค์อะไรมักจะไปเจริญหรือเป็นจริงได้ในอนาคต คือมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าคนอื่น ๆ เหมือนหยั่งรู้อนาคตได้ยังงั้นแหล่ะ สามารถแก้ไขปัญหาได้ดี มีรสนิยมดีตรงไปตรงมาและ จริงใจ ชอบการเดินทาง เปิดหูเปิดตา ชอบกีฬา เรียกว่าอยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยเป็น และชอบที่จะเป็นอิสระมากว่ามีเจ้านายคอยควบคุม อยากจะแสดงความสามารถที่มีอยู่ให้ใคร ๆ เห็นมากกว่า ชอบแหกกฎ อาจเป็นได้ว่าความถือดีว่าตัวเองมีปัญญาฉลาดกว่าคนอื่น เป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว แต่อย่าย้ำซ้ำเติมความผิด ของเก่านะ จะไม่ค่อยยอมรับผิดหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ด้วยเลยล่ะ ทำให้เราเสียอารมณ์เปล่า ๆ ด้านความรักเป็นคนที่ไม่ชอบแฟนขี้หึง ถ้าให้อิสระ คนเดือนนี้จะรักตายเลยล่ะ