Translate

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

สูตรลดน้ำหนักแสนง่าย ทำได้หรือไม่ อยู่ที่คุณ!!!

  ว้าย กรี๊ด ยามที่ต้องขึ้นชั่งน้ำหนักแล้วเห็นตัวเลขมันเพิ่มขึ้นเอาเรื่อยๆ มันรู้สึกน่าใจหาย ซะทุกครั้งไป  จะทำยังไงให้น้ำหนักของเราคงที่หรือลดลงไปในสภาพ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ไม่ดูอ่อนระโหยโรยแรง ได้มั่งไหมนี่ สาวๆหลายคนคงคิดหาวิธีลดน้ำหนักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ต้องกลัววันนี้ เราได้รวบรวมสูตรการลดน้ำหนักที่จะทำให้สาวๆมีน้ำหนักที่สวยสมส่วน พร้อมกับมีสุขภาพที่ดีได้ มาไว้ให้แล้ว  ตามมาดูกันต่อได้ที่นี่


ลดน้ำหนักสูตรหนึ่ง
ขอบอกว่าการลดน้ำหนักสูตรนี้เรียกได้ว่าสูตรพื้นฐานในการลดน้ำหนักมั่กๆ เลยนะคะ แต่รับรองว่าได้ผลจริง เพราะลองมากับตัวเอง หนึ่งสัปดาห์ลดน้ำหนักได้ 2 – 3 กิโล เลยทีเดียว
 diet
เริ่มต้นอย่างช้าๆแต่มั่นคงในการลดน้ำหนัก ด้วยมื้อแรกของวันแรก อย่าเพิ่งหักโหมค่ะ!!! เรื่องลดน้ำหนักต้องค่อยเป็นค่อยไป

ตอนเช้าเริ่มต้นลดน้ำหนักก็อาจจะเป็นขนมปังสักชิ้น กับโยเกิร์ตไขมันต่ำหรือนมพร่องมันเนย จะกินกาแฟ โกโก้ อะไรตามปกติก็ได้
กลางวันก็เป็นข้าวต้มหรือเกาเหลา เกี๊ยวน้ำ
ตอนเย็นให้เป็นแกงเลียง อ่อมผัก หรือ น้ำพริก ปลาทู ผักต้ม แบบไม่มีข้าวนะคะ

การลดน้ำหนักวันที่สอง

ตอนเช้าอาจจะเปลี่ยนเป็น ชาหรือกาแฟไม่ใส่นม ไม่ใส่ครีม และน้ำตาลน้อยที่สุด ไม่ใส่เลยยิ่งดีค่ะ หรือถ้าไม่ทานชา กาแฟ ก็เป็นพวกน้ำผลไม้100% ขอเน้นนะคะว่า 100% อย่าไปซื้อเชียวพวกน้ำผลไม้ในตู้ จากการลดน้ำหนักจะกลายเป็นเพิ่มแทน เพราะน้ำตาลเยอะกว่าชา กาแฟอีกค่ะ ลองดูปริมาณแคลอรี่ก็ได้ ขอแนะนำให้เป็นน้ำผลไม้จำพวก แครอท แอปเปิ้ล หรือฝรั่ง ถ้าทานแบบวันแรกได้ก็ดีค่ะ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องงดขนมปังนะคะ แต่ให้เปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีตเท่านั้น ถ้าแผ่นเดียวไม่พอ จะขอ 2ก็ได้อยู่ค่ะ
กลางวันก็ให้ทานสลัดไก่ สลัดหมู สลัดปลา อะไรก็ว่าไป ส่วนน้ำสลัดไม่จำเป็นต้องน้ำใสก็ได้ค่ะ แต่ควรจะใส่ให้พอมีรสชาดเท่านั้น
ตอนเย็นอาจจะเป็นแกงเลียงหรือน้ำพริกเหมือนเดิม แต่ถ้าอยากหักดิบลดน้ำหนักได้เร็วๆ ก็ให้ทานไข่ต้ม ฟองก็พอค่ะ

การลดน้ำหนักวันที่สาม

เมื่อร่างกายเริ่มรับอาหารน้อยลงได้ ก็จะง่ายต่อการลดน้ำหนัก มื้อเช้าก็ให้เลือกทานชาหรือกาแฟน้ำตาลน้อยที่สุด หรือนมพร่องมันเนย หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำกับขนมปังโฮลวีต1-2แผ่นเหมือนเดิมค่ะ
กลางวันให้ทานสลัดเหมือนวันที่สอง
ตอนเย็นก็ไข่ต้ม ฟองค่ะ

การลดน้ำหนักวันที่สี่

ตอนเช้าก็เลือกทานเหมือนทุกวัน
กลางวันไข่ต้ม ฟอง
ตอนเย็นทานผลไม้ที่ไม่เพิ่มน้ำหนัก หรือซุปผัก

ส่วนการลดน้ำหนักวันที่ห้า หกและเจ็ด ก็เลือกทานสลับกันในมื้อ เหมือนวันที่สามกับวันที่สี่ แต่ขอให้เป็นพวก

ไข่ต้ม ไม่เกิน ฟอง
โยเกิร์ตไขมันต่ำ หรือนมพร่องมันเนย
สลัดไข่ สลัดปลา หรือสลัดไก่ไม่ติดมัน ใส่ครีมน้อย
น้ำผลไม้ 100% หรือผลไม้ประเภทที่ทานเพื่อช่วยลดน้ำหนักได้

วันที่เจ็ดของการลดน้ำหนักอนุญาติตัวเองได้นะ ถ้าเกิดอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็ทานได้มื้อเย็นของวันนี้เลยค่ะ พอวันต่อมาวันที่แปดก็เริ่มทานตามสูตรลดน้ำหนักเหมือนเดิมรับรองหุ่นเก๋ไก๋สไลด์เดอร์อยู่แค่เอื้อม

 BXP44740
เคทีจะเตือนก่อนว่าสามถึงสี่วันแรกของการลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักไม่ลงอย่าเพิ่งเสียใจไปนะคะ เพราะรับรองว่าถ้าวันต่อๆมาเราไม่ท้อถอย นอกลู่นอกทางซ่ะก่อนได้ผลแน่ค่ะ สำหรับเคทีเองเมื่อลดน้ำหนักผ่านไปสามวันน้อยใจมากที่อุตส่าห์ลดอาหาร(เพราะปกติกินทั้งวันแต่ทำไมน้ำหนักไม่เห็นลดเลย เกือบจะยอมแพ้ซ่ะแล้ว แต่ก็กัดฟันลองทำต่อไป ซื่อสัตย์กับตัวเองไว้ว่าต้องลดน้ำหนักให้ได้ ปรากฏว่าชั่งน้ำหนักอีกทีประมาณวันที่หก ก็ลดน้ำหนักลงมาเหลือสองกี่โลเลยล่ะค่ะ ขนาดว่าเป็นคนที่ท้องผูกด้วยนะเนี่ยะ สันนิษฐานว่าช่วงแรกของการลดน้ำหนักเราทานเพื่อปรับสภาพร่างกาย การทานน้อยลงเป็นการควบคุมไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม เมื่อน้ำหนักคงที่พอเราทานน้อยลงน้ำหนักก็จะลงตามค่ะ
ง่ายต่อการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องในวันต่อๆมา
แต่เคทีไม่แนะนำการลดน้ำหนักโดยลดอาหารในมื้อเช้าหรือกลางวันสำหรับคนที่ต้องใช้พลังงานทั้งวัน หรือถ้าวันไหนรู้ว่าตัวเองต้องออกไปข้างนอก หรือต้องใช้สมองคิดนั่นคิดนี่ทั้งวันนะคะ เพราะจะทำให้เราหิวเร็ว เนื่องจากทานอาหารน้อยไป อาจทำให้ปวดท้อง แสบท้อง ถึงขั้นเป็นลมหรือเป็นโรคกระเพาะได้ค่ะ ฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องลดน้ำหนักจนลืมดูแลสุขภาพด้วย

ลดน้ำหนักสูตรสอง

การลดน้ำหนักสูตรนี้เหมาะสำหรับสาวๆที่ติดการทานข้าวรวบมื้อ มีเรียนหรือทำงานช่วงสาย เคทีเคยคุยกับเพื่อนที่เรียนจบด้านโภชนาการ เขาบอกว่าไม่มีปัญหาถ้าหากว่าเราไม่ค่อยได้ใช้พลังงานระหว่างวันค่ะ เราสามารถทานมื้อเช้าและกลางวันเป็นมื้อเดียว แล้วก็ไปทานมื้อเย็นเลย หรือเฉลี่ยว่าทานสองมื้อต่อวัน ซึ่งควรเป็นช่วง 10 - 11 โมง
 eating-disorder-tm441615-51med
สำหรับการลดน้ำหนักสูตรสอง
มื้อแรกของวันทานเท่าไหร่ก็ทานไปเลยค่ะ แต่ต้องให้อิ่มในมื้อเดียวไปเลยนะคะ เพราะเราจะได้อยู่ได้ทั้งวันจริงๆ
มื้อเย็นให้ทานน้ำพริกกับผักต้ม แกงเลียง อ่อมผัก ไข่ต้ม หรือสลัดแทน เพราะว่าเราไม่ได้ใช้พลังงานแล้ว สูตรนี้หนึ่งสัปดาห์จะลดน้ำหนักได้หนึ่งกิโลหรืออาจมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้พลังงานค่ะ

อย่างไรก็ตามเคทีเองลองสูตรลดน้ำหนักมาแล้วทั้งสองสูตร แม้ว่าสูตรลดน้ำหนักสูตรแรกจะทานครบสามมื้อแต่ทว่าทรมานมากกว่าเพราะเราต้องทานให้น้อยที่สุดเพื่อเฉลี่ยกับมื้ออื่นๆ ส่วนสูตรลดน้ำหนักสูตรที่สองเป็นอะไรที่สบายกว่าหน่อยเพราะทานได้เต็มคราบ แต่แน่นอนว่าลดน้ำหนักสูตรสองจะลดน้ำหนักได้น้อยกว่าค่ะ แต่หากเราต้องเข้างานหรือมีเรียนตอนเช้า เคทีว่าสาวๆน่าจะใช้สูตรแรกจะเหมาะกว่าค่ะ และไม่ว่าสูตรลดน้ำหนักสูตรไหนๆเพื่อนๆชาวโยพิก็อาจเอาไปประยุกต์ได้ตามชีวิตประจำวัน ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายบ้าง ดื่มน้ำมากๆ ทานแต่อาหารต้มๆ นึ่งๆ และผักผลไม้สด นอนหลับให้เพียงพอประมาน 8 ชั่วโมงต่อวันด้วยล่ะ การนอนเนี่ยะมีส่วนช่วยลดน้ำหนักด้วยนะ แต่ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสมพอเพียงค่ะ แล้วถ้าเพื่อนๆชาวโยพิลองทำตามสูตรลดน้ำหนักและได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมาโพสบอกกันบ้างนะคะ

ผักสด VS ผักแช่แข็ง

หนุ่มสาวรักสุขภาพทั้งหลายทั้งมวล แต่ละวันที่ผ่านมาของคุณได้รับประทานอาหารครบหมวดหมู่กันหรือเปล่าคะ สารอาหารที่สำคัญที่สุดแบบว่าขาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นผักนี่แหล่ะค่ะ แน่นอนว่าผักสดย่อมมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนกว่าผักแช่แข็ง แต่ด้วยชีวิตที่รีบเร่งของคนทำงานในยุคปัจจุบัน ผักแช่แข็งเลยเข้ามามีบทบาทเด่น ข้อดีของผักแช่แข็งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เก็บไว้ได้นานและสะดวก เราได้รวบรวมวิธีการปรุงอาหารที่ดีและเหมาะที่สุดสำหรับผักชนิดต่างๆ ทั้งสดและแช่แข็งไว้ที่นี่แล้ว อย่ารอช้า ตามไปดูกันเลย


15
หน่อไม้ฝรั่ง
ลดกรดในลำไส้ อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส วิตามินเอ ซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินบีคอมเฟล็กซ์ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย
กินสดดีที่สุด หน่อไม้ฝรั่งสดๆ ราดน้ำสลัดรสจัด หรือกินแบบจิ้มดิบๆ นั้นเริ่ดสุด แต่ถ้านำไปปรุงผ่านความร้อนเล็กน้อยเพื่อรับประทานเป็นเครื่องเคียง คุณค่าทางโภชนาการอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็นับว่ายังได้อยู่
แช่แข็งก็พอได้ หน่อไม้ฝรั่งแช่แข็งควรใช้ในเมนูที่ไม่ได้มีหน่อไม้ฝรั่งเป็นตัวชูโรง จะได้มีคุณค่าทางโภชนาการจากส่วนประกอบอื่นๆ เพราะหน่อไม้ฝรั่งแช่แข็งโดยลำพังนั้น มีสารอาหารน้อยกว่าแบบสดอยู่มากโข
ฟักทอง
มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง มีเส้นใยมาก ไขมันน้อย แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยธาตเหล็ก วิตามินซี ไนอาซิน วิตามินบี 1 และ บี 2
กินสดดีที่สุด คุณจะได้อรรถรสของเนื้อ รสชาติ และความหนึบของฟักทองได้ดีที่สุด ถ้าใช้ฟักทองสดมาปรุงอาหาร จริงๆแล้วสามารถเก็บฟักทองแบบสไลซ์ในตู้เย็นได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์  เพราะฉะนั้นซื้อหาฟักทองสดมาติดครัวไว้ก็ไม่เสียหลายนะคะ
แช่แข็งก็พอได้ ฟักทองแช่แข็งมักนำมาบดเพื่อทำซุป เริ่มสอดไส้พาสต้า หรือใช้เป็นไส้ของพาย แต่ถ้าต้องการปรุงฟักทองเป็นชิ้นๆ แบบแช่แข็งนี่อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะเนื้อของฟักทองจะเปื่อยยุ่ยหลังนำออกจากช่องแช่แข็งแล้ว
ถั่ว
ให้พลังงานต่ำ เป็นใยอาหารที่ละลายในน้ำได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด อุดมไปด้วยเหล็ก ไนอาซิน วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส
กินสดดีที่สุด ถั่วประเภทผักชนิดต่างๆ สามารถนำไปปรุงอาหารเมนูง่ายๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผัดถั่วกับเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ หรือผัดถั่วกับน้ำมันหอยแบบครัวจีน แม้กระทั้งนำมาลวกเป็นจานเครื่องเคียงพร้อมซอสแบบต่างๆ
แช่แข็งก็พอได้ ถั่วแช่แข็ง (รวมถึงถั่วลันเตาแกะเฉพาะเมล็ด) เหมาะใช้ทำอาหารที่ใช้เวลาปรุงค่อนข้างมาก รวมถึงใช้ความร้อนค่อนข้างสูงขณะปรุงด้วย อาทิ ใช้เป็นส่วนผสมในเมนูตุ๋นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ใช้ในการทำซุป หรือใช้เป็นหนึ่งในไส้ของพาย เป็นต้น
ข้าวโพด
ลดอาการบวมน้ำ ช่วยขยายหลอดเลือด ปรับระดับคอเลสเตอรอล ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 ไนอาซิน แคลเซียม และธาตุเหล็ก
กินสดดีที่สุด การรับประทานข้าวโพดสดๆ หรือนำไปต้มทั้งฝักนั้นจะได้ความหวานหอมของข้าวโพดโดยตรง หรือจะฝานออกจากฝักเพื่อนำมาโรยสลัด ทำเป็นซอสข้าวราดไก่หรือพาสต้า ก็จะยังได้ลิ้มรสความหวานของข้าวโพดมากกว่าข้าวโพดแช่แข็งอยู่ดี
แช่แข็งก็พอได้ ข้าวโพดแช่แข็งเป็นส่วนประกอบที่เวิร์กมากสำหรับประกอบอาหารประเภทตุ๋นชนิดต่างๆ รวมไปถึงการทำน้ำซุปและการทำขนมปังข้าวโพด และอีกหลากหลายเมนูที่ไม่ต้องง้อความหวานจากธรรมชาติของข้าวโพด
ผลเบอร์รี่
ช่วยป้องกันการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในดวงตา ชะลอการเสื่อมของเลนส์ตาและจอประสาทตา  อุดมไปด้วยวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน
กินสดดีที่สุด เราจะได้รับสารอาหารในผลเบอร์รี่แบบเต็มๆ มารับประทานสดๆ ข้อเสียของผลเบอร์รี่สดสำหรับประเทศแถบร้อนอย่างเรา คือมีราคาสูง และหาซื้อแบบสดๆได้ยาก นอกจากนี้ยังเสียง่ายแม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม
แช่แข็งก็พอได้ ผลเบอร์รี่แช่แข็งนิยมใช้เป็นส่วนประกอบของเบเกอรี่ทุกชนิด เมนูสมูธตี้ที่มีส่วนผสมของเบเกอรี่ก็ใช้แบบแช่แข็งด้วยกันทั้งสิ้น การนำผลเบอรี่ออกมาจากช่องแช่แข็งเพื่อให้คลายตัวนั้น จะทำให้ความเข้มจข้นของรสชาติลดน้อยลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผักโขม
มีโปรตีนสูง พร้อมเบต้าแคโรทีนและสารซาโปนิน ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ มีธาตุแคลเซียมสูงกว่านมสด แถมมีวิตามินซีมากกว่าส้มเขียวหวานอีก
กินสดดีที่สุด ผักโขมนั้นยิ่งสดยิ่งอร่อย นอกจากจะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารแล้ว ยังมีรสชาติกลางๆ เหมาะที่จะนำไปเป็นเครื่องปรุงกับผักชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำผักโขมสดๆ ไปโรยหน้าพาสต้าหรือซุปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการเป็นเยี่ยม
แช่แข็งก็พอได้ ผักโขมแช่แข็งนิยมใช้ทำผักโขมอบชีส ลาซานญ่า ซุป หรือนำมาบดทำเป็นดิป ชนิดต่างๆ หลังจากนำผักโขมแช่แข็งออกมาจากตู้เย็นและคอยให้ละลายแล้ว อย่าลืมสะเด็ดออกจากผักให้หมดจริงๆ ก่อนนำไปปรุงอาหารด้วย
ที่มา : Cosmopolitan

ดูแลความสวยไม่เว้นแม้วันหยุด

เมื่อถึงวันหยุดพักผ่อน ถึงแม้เรามีโอกาสให้ร่างกาย สมอง และหัวใจพักผ่อนจากการงานที่เหนื่อยล้า แต่ก็ต้องให้อวัยวะที่ต้องดูแลความสวยให้งามได้พักกันด้วยนะคะไม่ว่าจะผิวหน้า ผิวกาย เส้นผมและหนังศรีษะ และสุขภาพภายใน ควรดูแลความสวยบำรุงกันบ้างไรบ้างหลังจากเผชิญมลภาวะมาทั้งสัปดาห์ มาเอาใจใส่กันนิดหนึ่งน่า พร้อมแล้วไปเตรียมตัวดูแลความสวยกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ในวันหยุดยาวหน้าเลยคร่า

fruity face treatment
Hair ดูแลความสวยเริ่มกันที่เส้นผม ในวันหยุดยาวนั้นเหมาะอย่างยิ่งกับการหมักผม และอบไอน้ำ เติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม เรามีสูตรหมักผมดีๆ มาฝาก ใครชอบสูตรไหนก็เลือกใช้ได้เลยคร่า
สูตร 1 ผลไม้ดีๆ อย่างอะโวคาโด นอกจากจะกินให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังนำมาหมักผมให้เส้นผมมีน้ำหนักด้วยนะคะ โดยนำเนื้ออะโวคาโดมาประมาณ 3 - 4 ลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวของผมด้วยนะคะ แล้วยีให้เป็นเนื้อเละๆ นำไปผสมกับน้ำมันมะกอก หรือจะใช้เบบี้ออยล์ก็ได้คะ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วชโลมให้ทั่วเส้นผม ล้างด้วยน้ำสะอาด ผมก็จะนุ่มและไม่ลีบแบน ไม่ต้องไปเสียเงินทำทรีตเม้นท์ราคาแพง แถมยังทำซ้ำได้สัปดาห์ละครั้งเลยนะคะ
สูตร 2 สำหรับสาวๆที่อยากมีผมที่เรียกตรง ดูสวยและจัดทรงง่าย ต้องสูตรนี้เลยคะ โดยนำน้ำผึ้งประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับมายองเนสประมาณ 5 - 6 ช้อนโต๊ะ แล้วน้ำมันมะกอกอีก 1 ช้อนโต๊ะ คนจนเข้ากันเป็นเนื้อครีมแล้วก็นำมาลูบไล้ให้ทั่วเส้นผม ใช้หวีซี่ห่างหวีเบาๆ ให้ผมเรียบเป็นทรง หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หือจะใช้หมวกอบไอน้ำด้วยก็ยิ่งดีคะ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้จะได้ผมที่ตรงสวยแล้วค่า
สูตร 3 สาวๆที่ดัดผมมาเป็นลอนแล้วอยากถนอมผมลอนสวยๆ นี้ ไว้ ไม่ให้คลายออกง่ายๆต้องลองสูตรนี้คะ โดยน้ำข้าวโอ๊ตไปบดให้ละเอียดประมาณ 3 - 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยตวง แล้วนมรสจืดอีกประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาหมักผมทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรหมักผมนีจะช่วยยืดอายุของลอนผมที่ดัดมาให้อยู่นานขึ้น ไม่ต้องไปดัดใหม่บ่อยๆ ให้เปลืองตังค์และผมเสียอีกด้วยนะคะ
Face ผมสวยแล้ว เราก็ต้องดูแลความสวยส่วนที่สำคัญมากของร่างกายอย่างใบหน้ากันคะ สูตรพอกหน้าดีๆ เราก็มีมาฝากเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้วไปเลือกกันเลยคะว่าจะใช้สูตรพอกหน้าแบบไหนกันดี
สูตร 1 สูตรนี้ใช้แป้งข้าวเจ้าผสมกับนม โดยนำทั้งสองอย่างมาผสมกันจนเป็นแป้งข้นๆ ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้จนแห้ง จะรู้สึกตึงๆ ที่ใบหน้า พอครีมนั้นเริ่มแข็งตัวก็ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยให้ใบหน้ากระชับ และเกลี้ยงเกลาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
สูตร 2 สำหรับสาวผิวมันต้องสูตรนี้เลย โดยนำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆ แล้วปั่นรวมกับไข่ขาว บีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ก็นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าเลย โดยเว้นบริเวณรอบดวงและปากไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แตงกวาและมะนาวจะช่วยลดความมันส่วนเกิน และไข่ขาวก็ช่วยกระชับผิวด้วยคะ
สูตร 3 ต่อมาเป็นสูตรเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส โดนนำแอปเปิ้ล 1 ผล มาปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วปั่นรวมกันกับน้ำผึ้งประมาณ 4 - 5 ช้อนโต๊ะ จนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นก็พอกทิ้งไว้ให้ทั่วใบหน้าประมาณ 20 นาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด คุณจะได้ผิวที่สวยกระจ่างใส ดูสุขภาพดีสุดๆ เลยค่า
Body ผมและใบหน้าก็ดูแบบจัดเต็มไปแล้วดูแลความสวยที่ผิวกายจะปล่อยให้หมองๆ โทรมๆ ได้ยังไงละ วันหยุดแบบนี้ต้องจัดเต็มกับสูตรสครับผิวกายที่นำมาฝากกันเลย
สูตร 1 สาวๆที่ต้องต่อสู้กับปัญหารอยด่างดำจากแผลเป็นต่างๆ ต้องลองสูตรนี้เลย โดยการบีบีมะนาวลงไปในดินสอพองจนเป็นเนื้อเหนียวข้น แล้วนำมาพอกผิวทั้งแขน และขา ทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากมีเวลาควรทำบ่อยๆ จะช่วยลดรอยด่างดำตามแขนและขาไปได้เยอะทีเดียว
สูตร 2 สูตรต่อคือการผสมกันของมะละกอสุก นมสด และเกลือ โดยผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน และข้นๆ พอดี ไม่เหลวเกินไป จากนั้นพอกทิ้งไว้ทั้งตัว ประมาณ 20 -30 นาที ระหว่างที่พอกก็ลูบไล้และขัดผิดด้วยเกลือที่เป็นส่วยผสมเบาๆ เพื่อให้เซลล์ผิวที่ตายนั้นหลุดออกมา แล้วจึงอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด ผิวของสาวๆ จะขาวกระจ่างใส ดูสุขภาพดีสุดๆ เลยจ้า
สูตร 3 สูตรต่อมาคือ การอาบน้ำนมคะ โดยผสมนมสมกับน้ำเปล่าที่สะอาดในปริมาณที่เท่าๆกัน แล้วลงไปแช่ทั้งตัว หรือถ้าหานมสดปริมาณมากๆไม่ได้ ก็ใช้วิธีเทนมลงบนผิวโดยตรงแล้วใช้ใยบวบขัดผิวเบาๆ ก็ได้เช่นกันคะ นมสดจะช่วยให้ผิวของคุณเนียนนุ่มน่าสัมผัสจ้า
Detox เมื่อภายนอกสวยใสปิ๊งๆ กันไปแล้ว ก็มาถึงการดูแลความสวยส่วนสุดท้ายที่จะมองข้ามไม่ได้ คือการสวยจากภายในด้วยการดีท็อกซ์ล้างพิษ โดยสูตรดีท็อกซ์ที่นำมาฝากนี้ก็เป็นสูตรง่ายๆ ที่ทำได้ใน 1 วัน ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มเลย
- เลือกผลไม้ที่ชอบมา 1 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ ยกเว้นอยู่ 2 อย่างคือ ทุเรียนและสับปะรด เพราะทุเรียนมีแคลอรี่สูงเกินไปและย่อยยาก ส่วนสับปะรดนั้นมีกรดสูงมาก ถ้ากินทั้งวันท้องจะอืดได้
- กินผลไม้ที่เลือกมา 1 ชนิดนั้นตลอดทั้งวัน อาจจะใช้วิธีปรุงต่างๆ กันไป เช่นกินสดๆ หรือนำไปทำเป็นสลัด โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่ปรุงรสชาติให้มันเยอะเกินไปนัก
- ผลไม้ที่เลือกมาอาจจะนำมาทำเป็นน้ำปั่นไว้กินในระหว่างมื้อตลอดทั้งวันก็ได้ แต่ต้องใส่น้ำตาลน้อยที่สุดหรือไม่ใส่เลยยิ่งดี
- มื้อเย็นต้องกินผลไม้ที่เลือกมา 1 ชนิดนั้น อาจจะทำเป็นยำง่ายๆ ด้วยการใส่น้ำมะนาวและน้ำปลาหน่อยแก้เลี่ยน
- ในวันต่อมาก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า ต้องดื่มน้ำมะหนาวผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวดก่อน เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้เล็กขับของเสียออกมา เมื่อดื่มเสร็จจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที แล้วหลังจากนั้นก็กินอาหารได้ตามปกติ แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อเข้าไปกระตุ้นของเวียให้ขับออกมา ของเสียเหล่านั้นก็จะถูกดูดซึมกลับไปเหมือนเดิม ทำให้การที่เราอดอาหารเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายนั้นเปล่าประโยชน์
ทีนี้หลังจากสาวๆดูแลความสวยครบแล้ว ก็จะสามารถสวยได้ทั้งภายนอกและภายในกันแล้วนะคะ แต่ถ้าจะให้ดีควรหาเวลาว่างทำให้ได้เป็นประจำ อย่ารอเฉพาะช่วงวันหยุด เพราะบางทีความสวยก็เป็นเรื่องที่รอไม่ได้จ้า

8 วิธีการพอกหน้าให้อ่อนวัยสวยใสไร้ริ้วรอย


e0b89ee0b8ade0b881e0b8abe0b899e0b989e0b8b22 e0b89ee0b8ade0b881e0b8abe0b899e0b989e0b8b21
การพอกหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนวัยมีความสวยใส ไร้ริ้วรอยเดี๋ยวนี้ทำได้หลากหลายวิธีมากๆ และทำได้ง่ายดายขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องสำอางจากแบรนด์ดังต่างๆ ก็พากันออกพวกที่พอกหน้ากันมายกใหญ่ มีที่ใช้แล้วเห็นผลบ้าง ไม่เห็นผลบ้าง เกิดการระคายเคืองบนใบหน้าบ้าง หรือสวยใส อ่อนวัย ไร้ริ้วรอยบ้างปะปนกันไป เนื่องด้วยเครื่องสำอางค์เหล่านั้นถึงจะบอกว่ามีส่วนประกอบจากธรรมชาติ แต่ยังไงก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งสารเคมีบางชนิดที่เอามาเป็นส่วนผสมได้ ดังนั้นวันนี้ Yopi Beauty Magazine จึงมีวิธีการพอกหน้าดีดีจากธรรมชาติ เพื่อให้สาวสาว มีใบหน้าที่อ่อนวัย สวยใส และไร้ริ้วรอย อย่างที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องกลัวสารเคมีจะมาทำให้ใบหน้าเราเกิดการระคายเคือง จนทำให้ผิวเสียตามมาอย่างแน่นอน
พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง
e0b899e0b989e0b8b3e0b89ce0b8b6e0b989e0b887 
วิธีการพอกหน้า : ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้ง ไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพัก ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยง ที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วก็ค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก ให้สะอาด เป็นอันเสร็จพิธี ด้วยสรรพคุณน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยแอปเปิ้ล
e0b981e0b8ade0b89be0b980e0b89be0b8b4e0b989e0b8a5 
วิธีการพอกหน้า : ปอกแอปเปิ้ล คว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบด จนเข้ากันดีแล้ว นำเอาส่วนผสมนี้มาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้างออก ด้วยส่วนประกอบหลักจากแอปเปิ้ลที่จะมีสารอิลาสติน คอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยสารฟิโนลิกที่ต่อต้านการเกิดฝ้าพร้อมด้วยชะลอความแก่อีกด้วย  ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยแตงโม
e0b981e0b895e0b887e0b982e0b8a1 
วิธีการพอกหน้า : ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้า แล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโม คือ ความเย็นของแตงโมช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า ไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี   ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยไข่ขาว
e0b984e0b882e0b988e0b882e0b8b2e0b8a7 
วิธีการพอกหน้า : ตอกไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่ม จุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จนไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ด้วยไข่ขาวมีโปรตีนสูงสามารถนำมาพอกเพื่อรักษาและสร้างเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งยังสามารถดูดซับน้ำมันส่วนเกินบนผิว ช่วยกระชับผิวและรูขุมขน  ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยน้ำมะนาวและน้ำผึ้ง
e0b8a1e0b8b0e0b899e0b8b2e0b8a7 
วิธีการพอกหน้า : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ด้วยมะนาวจะทำให้ผิวหน้ากระชับ เต่งตึง ผิวแก้มเปล่งปลั่งสดใส เพราะมะนาวมีวิตามินซีและน้ำมันหอมเป็นจำนวนมากอีกทั้งน้ำผึ้งก็มีประโยชน์ต่อผิวหน้าจากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้เชื่อได้เลยว่า ผิวหน้าของคุณจะมีความสวยใส ไร้ริ้วรอย และแลดูอ่อนวัย อย่างแน่นอน
พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ
e0b8a1e0b8b0e0b980e0b882e0b8b7e0b8ade0b980e0b897e0b8a8 
วิธีการพอกหน้า : ฝานมะเขือเทศ 1 ชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมี วิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็น เช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด  ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยนมเปรี้ยว
e0b899e0b8a1e0b980e0b89be0b8a3e0b8b5e0b989e0b8a2e0b8a7 
วิธีการพอกหน้า :
 สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน ล้างหน้าให้สะอาดก่อนจะเอานมเปรี้ยวที่แช่เย็นจัดพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีหรือนานกว่านั้น แล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดออก ตำรานี้จะใช้ได้ผลดีมากในหน้าร้อน เพราะจะช่วยให้ ใบหน้าที่ซีดเซียวกลับเปล่งปลั่งขึ้นได้   ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
พอกหน้าด้วยมะละกอ
e0b8a1e0b8b0e0b8a5e0b8b0e0b881e0b8ad 
วิธีการพอกหน้า
 :  นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วล้างออก ด้วยวิตามินจากมะละกอสุกจะช่วยลดรอยด่างดำบนใบหน้าได้   ทำให้ดูอ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย
จากสูตรการพอกหน้า เพื่อลดริ้วรอย ทำให้หน้าของสาวสาวดู อ่อนวัย สวยใส ไร้ริ้วรอย ที่ได้ให้ไว้ถึง 8 วิธีนี้จะเห็นได้ว่า ทำได้ง่ายๆเพราะเป็นของใกล้ตัว ไม่ได้หายากแต่อย่างใด อีกทั้งยังมาจากธรรมชาติแท้แท้ ทำให้สาวสาวมั่นใจได้เลยว่า การพอกหน้าด้วยกลวิธีต่างๆที่ได้ให้ไว้ จะไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างไว้บนใบหน้าของสาวสาวอย่างแน่นอน แต่เพื่อเพิ่มความมั่นใจสาวสาว ควรล้างวัตถุดิบต่างๆให้สะอาดเสียด้วย เพราะไม่อย่างงั้นแล้วอาจมีสารเคมีตกค้างบนใบหน้าของสาวๆ ทำให้ใบหน้าของสาวสาว นอกจากจะดูไม่อ่อนวัย ไม่สวยใสแล้ว ยังจะมี ริ้วรอยตามมาอีกด้วย

15 วิธีผ่อนคลายมีความสุข ที่คุณต้องวางแผน

การค้นคว้าล่าสุดบอกว่าเราจะมีความสุขในการตามล่าเป้าหมายมากกว่าที่เราทำเป้าหมายนั้นสำเร็จ เพราะสมองของเราปล่อยฮอร์โมนด้านบวกออกมามากกว่าในระหว่างเราวางแผน เพราะฉะนั้นจงนั่งคิดซะว่าคุณจะทำอะไรบ้างกับคำแนะนำข้างล่างนี้ที่เป็นวิธีผ่อนคลายมีความสุข ลองคิดทำอะไรเล่านี้ดูซิ แล้วคุณจะรู้สึกแฮปปี้ขึ้นทันใด ยิ่งถ้าเป็นอะไรที่คุณไม่เคยทำมาก่อน มันก็จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกดีอย่างประหลาดเลยละ


110
1. วิธีผ่อนคลายมีความสุขกับผมทรงใหม่ที่จะเปลี่ยนสไตล์คุณจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทรงที่คุณตั้งใจไว้ว่าจะตัด มันก็ยังสนุกที่จะจินตนาการ ว่าคุณจะออกมาเป็นแบบไหนเวลามีหน้าม้าหรือผมแดง หรือไฮไลท์ผมเป็นสีแปลกๆ หรือแม้กระทั่งผมสั้นแบบ Michelle Williams
2. ทำลิสต์เพลง Sex Playlist ที่คุณอยากเปิดเวลาคุณอยากจะทำตัวโรแมนติกอย่างบ้าคลั่ง แต่อย่าตั้งชื่อมันว่า Sex Playlist นะ มันเห่ยเกินไปหน่อย เป็นวิธีผ่อนคลายมีความสุขแบบเบสิคๆแต่สุขจริงอะไรจริง
3. ร่างคำอวยพรที่คุณจะกล่าวในวันแต่งงานของเพื่อนสุดที่รัก ไม่ว่าคุณจะเขียนให้มันซึ้งหรือจะติดตลก อย่างเช่น “ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันเห็นเธอในลานทราย ใส่ชุดสีชมพูบานเย็นที่มันดูออกจะสั้นเกินกว่าเด็กอนุบาลจะใส่กัน แต่ฉันก็รู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเราสองคนจะกลายเป็นเพื่อนสุดซี้” คุณก็จะรู้สึกสนุกสุดๆ กับการนั่งวางแผนบทพูดอันยิ่งใหญ่นี้
4. วิธีผ่อนคลายมีความสุขจัดทริปสุดเก๋ที่ฮาวายที่คุณหมายตาเอาไว้ มันไม่ทำร้ายใครหรอกถ้าคุณจะท่องเมืองฮาวายในโลกอินเตอร์เน็ต ไปยังรีสอร์ทสุดหรูและนั่งเรือครูซไปหาดีลของร้านอาหารน่ารักๆ แถวนั้น
5. วิธีผ่อนคลายมีความสุขลองคิดว่า วันหนึ่งคุณจะตกแต่งอพาร์ทเมนท์ของคุณยังไงดี
6. การนั่งคิดๆดูว่าอะไรที่คุณจะให้เป็นของขวัญในวันเกิดของแฟนคุณ หรือคุณจะทำคะแนนเป็นแฟนที่น่ารักที่สุดในโลกยังไงดี? ก็เป็นหนึ่งวิธีผ่อนคลายมีความสุขได้เหมือนกันนะ
7. อะไรที่คุณจะทำเป็นอย่างแรกหลังจากจบการดูซีรีส์มาราธอน
8. ของที่คุณอยากได้เป็นเจ้าของเมื่อคุณได้โบนัส คุณจะดูเก๋มากในที่ทำงานแล้วเชื่อสิ เดี๋ยวคุณก็จะได้โบนัสอีกรอบ
9. ลองนึกถึงเส้นทางที่มีวิวสวยๆ ที่คุณจะผ่านเวลาที่คุณไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดครั้งหน้าซิ เป็นวิธีผ่อนคลายมีความสุขให้สมองออกจากเรื่องหนักๆหัวชั่วคราวได้ ค่อยๆคิดหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆหรือร้านฟาสต์ฟู้ดข้างทาง ครั้งนี้ให้ GPS นำทางคุณ มันอาจจะพาคุณไปยังร้านไอศครีมเปิดใหม่ละแวกนั้นก็ได้นะ
10. เมนูใหม่สุดอร่อยที่คุณจะเสิร์ฟให้แขกที่มากินข้าวที่ปาร์ตี้มื้อเย็นมื้อหน้า แล้วอย่าลืมคิดด้วยนะ ว่าคุณจะจัดมันบนโต๊ะยังไง
11. คุณจะพูดอะไรถ้าเจอ พี่เคน ธีรเดช หรือ ณเดช แต่ที่แน่ๆ อย่าพูดนะว่า “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เจอคุณ ฉันเป็นแฟนตัวยงของก้นงอนๆ ของคุณมาตลอดเลย”
12. วิธีผ่อนคลายมีความสุขต้องจัดทริปวันหยุดสุดชิล กินอาหารปิ้งย่างตอนกลางวัน + ออกไปชิลยามค่ำคืน
13. จินตนาการเล่นๆว่าคุณจะใช้เงินยังไงถ้าวันหนึ่งคุณเกิดถูกลอตเตอรี่ขึ้นมา
14. ชุดสุดเริ่ดที่คุณจะใส่ไปงานรวมรุ่นครั้งต่อไป ยังไงก็ได้แต่ขออย่างเดียว เอาพวกเขาตาค้างกันไปเลย
15. ธีมของปาร์ตี้วันเกิดครั้งหน้าของคุณ คะแนนพิเศษถ้าคุณวางแผนจะทำวิดีโอชวนเซเล็ปคนโปรดมาซ่าที่งานวันเกิดของคุณด้วย
ที่มา : Cosmopolitan

เรื่องลับของผู้ชายที่เขาไม่อยากให้เรารู้

ไม่ว่าแฟนหนุ่มคุณจะเป็นคนเปิดเผยแค่ไหน แต่เหล่าสาวๆรู้ไหมว่ายังไงเสีย มันก็ต้องมีเรื่องลับของผู้ชายอย่างเขาบ้างไรบ้างจนกว่าจะถึงเวลาร่วมหอลงโลงกัน เพราะหากขืนให้แฟนสาวคนใหม่อย่างคุณรู้เมื่อไหร่ละก็ อาจจะมีปัญหาไม่มากก็น้อยมาคอยกวนใจคุณทั้งคู่อยู่เนืองๆแหงล่ะ ซึ่งได้เรื่องลับของผู้ชายที่ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับสาวๆบางคน แต่ทว่าพวกผู้ชายเขาก็คงอยากกันไว้ดีกว่าแก้หรือไม่ก็อย่ารู้เลยดีกว่าอะไรทำนองนั้น มาแอบรู้กันเถอะว่าเรื่องลับของผู้ชายมันคืออะไร


113
จำนวนผู้หญิงที่เคยคบ
เรื่องลับของผู้ชายที่จะบอกให้แฟนสาวอย่างคุณรู้เพื่อให้คอยยกมาเป็นข้อวิวาทอยู่ตลอดเวลาทำไมละ แต่ถ้าผู้ชายที่จะแชร์ให้ผู้หญิงเราฟังว่า เขาเคยคบกับผู้หญิงมากี่คน เขาก็จะบอตัวเลขที่น้อยที่สุด นั่นก็หมายความว่าอย่างไรคุณก็จะไม่รับทราบตัวเลขที่แท้จริงแล้ว ว่าเขาเคยคบกับผู้หญิงคนอื่นมาแล้วกี่คน
รายได้ในแต่ละเดือน
แม้คุณทั้งคู่จะลงเอยด้วยการแต่งงานและรับรู้ด้านการเงินของกันและกันแล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะแต่งงานโดยเฉพาะช่วงเวลาเริ่มต้นเดทกันแรกๆ เรื่องลับของผู้ชายที่สำคัญคือการเงิน ซึ่งไม่มีวันซะหรอกที่เขาจะยอมเผยให้คุณรู้เหตุผลง่ายๆ ก็แค่ไม่อยากให้แฟนสาวอย่างคุณคาดหวังของขวัญในวันพิเศษซะโอเว่อร์เกินไป แล้วพอไม่ได้ก็เป็นเรื่อง
ความอ่อนแอ
ไม่มีทางเสียละที่แฟนหนุ่มให้คุณเห็นน้ำตา จนกระทั่งคบกันจริงจังหรือหลังแต่งงาน เพราะอย่างน้อยระหว่างที่คบกันเขาก็ไม่มีทางให้คุณล้อว่า “หนุ่มเจ้าน้ำตา” หรือ “ผู้ชายขี้แย” แน่ๆ
มีความชอบเฉพาะตัว
โดยเฉพาะความชอบแปลกๆ ซึ่งผู้ชายแต่ละคนมักจะมีรสนิยมไม่เหมือนกัน แต่ยากนะที่เขาจะบอกให้แฟนสาวที่เพิ่งคบอย่างคุณรู้ว่า เรื่องลับของผู้ชายอย่างเขาคือชอบสะสมอุปกรณ์เข้าครัว หรือแม้แต่เซ็กซ์ทอย
กลัวการเปลี่ยนแปลง
เรื่องลับของผู้ชายอีกอย่างคือคนรักของเขาไม่ได้รักความเป็นตัวตนของเขา เมื่อคุณพยายามบอกเขาว่าเขาดูหล่อมาในชุดสูท แต่เขากลับไม่คิดอย่างนั้น ถ้าคุณเริ่มให้คำแนะนำเขาเกี่ยวกับการแต่งตัวหรือนิสัยบางอย่าง เขาจะเริ่มสงสัยในตัวคุณแล้วเริ่มตั้งคำถามว่าแล้วมาคบกับผมแต่แรกทำไม หรือหากเขาต้องถอดยีนส์ที่คุณหลงรักเขาเมื่อตอนนั้นออกเพื่อให้คุณยังรักเขาต่อ เขาจะติดว่าทำไมเขาถึงน่าสมเพชได้ขนาดนั้น
กลัวถูกปฏิเสธ
ภายนอกที่ดูเข้มแข็ง ไม่แคร์ แต่จริงๆ แล้วเขากลัวการถูกปฏิเสธเป็นที่สุด เพราะเรื่องลับของผู้ชายคือเขาไม่อยากเสียฟอร์ม ไม่อยากเจ็บปวด ผู้หญิงที่ทำเป็นเล่นตัวเล่นเกมกับเขา ทำตัวลึกลับซับซ้อนมากเกินไป ผู้ชายจะกลัว เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงแบบนี้เสี่ยงเกินไป ถ้าคุณกำลังคิดเล่นเกมแบบนี้กับเขา คงต้องลองทบทวนใหม่แล้วละ ผู้ชายส่วนมากเลือกหาโอกาสดีๆ ที่อื่นมากกว่า
ช่วงเวลาที่เคยมีกับแฟนเก่า
แม้คุณสาวๆ อยากให้แฟนหนุ่มเล่าเรื่องความรักกับแฟนเก่าว่าหวานหยดแค่ไหน แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องลับของผู้ชายอีกเรื่องหนึ่งที่หนุ่มๆ เขาไม่อยากเล่าให้คุณฟัง เพราะอะไรนะหรอ ก็แค่เขาไม่อยากให้คุณเอาเธอมาเปรียบเทียบแล้วหาเรื่องงอนเค้าตลอดเวลายังไงละ
ช่วงเวลาที่น่าอาย
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่เคยตดบนรถเมล์ หรือทักคนผิด ก็ไม่มีทางให้หนุ่มคนรักจะยอมบอกให้คุณรู้ เพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่อยากเห็นคุณขำก๊ากและคอยล้อเขาไปตลอดชีวิตคู่แน่ๆ
ช่วยตัวเอง
อย่างน้อยการที่เขาไม่พูดถึงเรื่องลับของผู้ชายเรื่องนี้ คุณสาวๆ ก็คงเข้าใจนะว่าผู้ชายก็ต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกัน โดยเฉพาะชายโสดที่ไม่มีสาวๆข้างกาย กิจกรรมของชายโสดที่เปลี่ยวอารมณ์มักจะปลดเปลื้องอารมณ์ความต้องการของเองด้วยมือของตัวเอง กิจกรรมเล่นว่าวจึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกของผู้ชายที่เอาไว้ส่งความสุขคลายความเหงาด้วยตัวเอง แต่เรื่องแบบนี้เข้าไม่ค่อยจะเปิดเผยให้ผู้หญิงรู้เป็นเด็ดขาด
ความผิดบาปเมื่อครั้งอดีต
คงเป็นเรื่องลับของผู้ชายที่หนุ่มๆ จะปริปากบอกให้คนรักรู้เป็นอันดับสุดท้าย เพราะหากขืนให้คุณรู้ถึงประวัติด่างพร้อย แถมยังมีประวัติหลอกผู้หญิงมาอีกเพียบ รับรองว่าคุณคงไม่อยากพบหน้าเขาอีกแน่
ที่มา : Spicy

8 เรื่องที่ไม่ควรแชร์ให้เพื่อนฟัง

ไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อนกันแล้วทุกเรื่องจะแชร์กันได้หมด เรื่องบางเรื่อง ของบางอย่าง เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์กันหรอกคะ เก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวบ้างไรบ้างนะ ตามนิสัยมนุษย์ถึงแม้ว่าคุณจะสนิทหรือพูดคุยกันได้ทุกเรื่องมากแค่ไหนแต่มันก็มีเรื่องที่ไม่ควรแชร์เพราะอาจจะเกิดความอิจฉาหรือขัดเคืองในใจลึกๆขึ้นได้โดยไม่ได้แสดงออกมา หรือเพื่อนคุณอาจจะไม่ได้เต็มใจที่จะรับฟังเรื่องของคุณหรือแชร์ทุกอย่างไปซะหมด


18
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…แฟนของคุณเก่งเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน
เรื่องแบบนี้ถึงให้สนิทกันแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์ เพราะว่าเป็นเรื่องลับในห้องระหว่างคนสองคน ถึงแม้เป็นความประทับใจหรือควรหรรษาสุดอารมณ์ก็ตาม มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์เด็ดขาด เพราะมันเป็นเรื่องในที่ลับที่ไม่ควรนำมาไขในที่แจ้ง เพราะนอกจากมันจะทำให้คุณและเขาดูไม่ดีแล้ว บางทีเพื่อนของคุณอาจจะรู้สึกไม่ชอบที่จะฟังเรื่องโจ๋งครึ่มบนเตียงระหว่างคุณกับแฟนของคุณก็ได้
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…รหัสเอทีเอ็ม
ถึงแม้จะไว้ใจกันอย่างไร แต่เรื่องรหัสเข้า ATM ของคุณก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์ไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้ เพราะบางครั้งเราอาจไม่แน่ใจว่าเราไปลืมกระเป๋าสตางค์ที่เต็มไปด้วยบัตรเอทีเอ็มไว้ที่ไหน แต่ที่เบาใจได้คือไม่มีใครรู้รหัสบัตรเอทีเอ็มของคุณ ดังนั้นกระเป๋าหาไม่เจอ เงินในกระเป๋าสตางค์อาจหาย แต่เงินในบัตรเอทีเอ็มไม่หายแน่ๆ
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…ชั้นใน
ถึงแม้เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เราคิดว่าเรื่องของชุดชั้นใน ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายเราแนะนำว่ามันคือเรื่องที่ไม่ควรแชร์ชิ้นส่วนเสื้อผ้าชิ้นนี้ เพราะมันเป็นชิ้นส่วนลับที่สามารถบอกลักษณะความเป็นผู้หญิงของคุณ ถ้ามันดูเซ็กซี่ร้อนแรงมันก็ย่อมแสดงว่าชั้นในของคุณมันไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนที่ปกปิดความลับในร่างกายผู้หญิงเราเท่านั้น แต่เราใส่มันเพื่อความเซ็กซี่และกวนอารมณ์เพื่อให้คนอื่นได้เชยชมมันด้วย ซึ่งพอเพื่อนเห็นความแรงของมัน เพื่อนอาจจะถึงขั้นไม่กล้าใส่ด้วยซ้ำ และในเรื่องสุขอนามัย และความสะอาด ชั้นในก็เหมือนผ้าเช็ดหน้า ผืนของใครก็ของคนนั้น เราไม่แบ่งกันเช็ดหรอก
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…น้ำหอมกลิ่นประจำกายของคุณ
แบบที่เพื่อนของคุณไปแต่งตัวในห้องของคุณแล้วเผอิญจะขอยืมน้ำหอมกลิ่นที่ถือเป็นเอกลักษณ์ความโดดเด่น ที่ใครๆ พอได้ดมกลิ่นนี้แล้วต้องตอบได้อย่างไม่ต้องเดาว่าเป็นกลิ่นหอมประจำกายของคุณ ดังนั้น ถ้าเพื่อนของคุณขอแชร์น้ำหอม จงเลือกกลิ่นอื่นที่ไม่ใช่กลิ่น Signature ของคุณ เพราะถ้าคุณให้ยืมกลิ่นประจำตัวที่คุณใช้ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณก็สูญเสียความโดดเด่นไปเฉพาะตัวไป จนกลายเป็นกลิ่นหอมที่ไม่พิเศษ ไร้คลาสที่ผู้หญิงคนไหนๆ ก็มีได้ไปเสียคะ น้ำหอมก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์เช่นกันค่ะ
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…เรื่องราวความลับที่เขาพูดกับคุณสองคนเท่านั้น
บางทีผู้ชายของคุณอาจจะไม่ได้บอกคุณว่าเรื่องใดเป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์หรือไม่ควรขยายความ หรือเผยแพร่ข้อมูลไปให้บุคคลนอกความสัมพันธ์รู้ แต่สิ่งที่คุณควรระวังคือ เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องลับเฉพาะของบุคคล ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องราวในอดีตที่ไม่สู้ดีของเขา หรือเป็นเรื่องการงานที่ลับเฉพาะแต่เขาอยากระบายหรือปรึกษาหารือกับคุณเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะแชร์เพื่อน คุณควรกลั่นกรองและไตร่ตรองให้ดีก่อนดีกว่า เพราะหากเพื่อนคุณรู้ไปอาจจะไม่เป็นผลดีต่อเขาและคุณ
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…เครื่องสำอางอุปกรณ์แต่งหน้า
จริงๆ ต้องบอกว่าความสวยเป็นเรื่องของการลงทุน คนไทยเราเองนี่แหละชอบหยิบยืมกันนักเชียว ซึ่งเราขอย้ำว่าเรื่องที่ไม่ควรแชร์คะ เพราะนอกจากเรื่องความเป็นกังวลถึงอาการแพ้เครื่องสำอาง ที่ทำให้อวัยวะบนหนังหน้าอักเสบแพ้ขึ้นมาได้ ที่สำคัญมันไม่ได้ราคาถูก รวมถึงสีและแบรนด์ยังเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวผู้หญิงเราแต่ละคน ในด้านของความสะอาดและอนามัย สิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้กับอวัยวะบนเรือนกายออกจะเป็นสิ่งต้องห้ามเป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์ ไม่เหมาะที่จะหยิบยืมและใช้ร่วมกันด้วย
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…แฟนเก่าของคุณ
กฎข้อห้ามสำคัญข้อหนึ่งของมิตรภาพคือเพื่อนไม่ควรเทคแฟนเก่าของเพื่อนเป็นแฟน เพราะนอกจากมันจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดแล้ว หากความสัมพันธ์แฟนเก่าของคุณซึ่งกำลังเป็นแฟนคนปัจจุบันของเพื่อนจบได้ไม่ดีแล้ว มันก็อาจจะทำให้คุณรู้สึกอัดอัดหรือรู้สึกหมั่นไส้ บางทีการแตกหักระหว่างแฟนเก่ากับคุณอาจจะเกิดเพราะนิสัยและพฤติกรรมแย่ๆ ที่เขาเริ่มแสดงออกหลังคบคุณไปสักระยะ ซึ่งคุณเองก็ต้องการเตือนเพื่อนของคุณให้รับรู้ไว้ แต่คุณก็อาจโดนเพื่อนของคุณหาว่าคุณเป็นพวกหวงก้าง เลิกแล้วไม่ยอมเลิกรา และมันจะทำให้เพื่อนของคุณระแวง กลัวกรณีถ่านไฟเก่าปะทุขึ้นจนเกิดเป็นคดีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดไป
เรื่องที่ไม่ควรแชร์…ช่วงเวลาที่แฮปปี้แบบสุดๆ ของคุณ
เรื่องที่ทำให้คุณแฮปปี้หรือช่วงเวลาที่คุณมีความสุขมากๆ แม้เป็นเรื่องแชร์ได้แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรแชร์กันบ่อยเกินไปด้วยเช่นกัน มันจะทำให้เพื่อนของคุณรู้สึกรำคาญหรือแอบอิจฉาคุณ ตัวอย่างเช่น คุณได้เงินเดือนขึ้นปีนี้ในฐานะ Top Performer ของแผนก 20% แล้วคุณก็เอาความสุขความสำเร็จดังกล่าวไปแชร์ให้กับเพื่อนสนิทในที่ทำงานซึ่งได้เงินเดือนขึ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ฟัง แบบนี้เพื่อนจะรู้สึกอย่างไร อยากร่วมยินดีและแฮปปี้ไปกับคุณด้วยไหม คงไม่ แต่อาจจะแขวะคุณกลับด้วยซ้ำว่าเป็นเด็กเส้นของเจ้านายและทำงานโดยใช้ลิ้นเป็นหลัก ความสุขยิ่งของคุณพานจะเป็นความระทมทุกข์ของคนอื่นไป
ที่มา : Spicy

เด็กจบใหม่ต้องเจออะไรบ้าง

น้องๆนิสิต นักศึกษาที่กำลังจะพ้นสภาพการเป็นวัยเรียนและกำลังเริ่มไขว่คว้าหาอนาคตอันสดใสด้วยหน้าที่การงานอันยิ่งใหญ่มาอ่านบทความนี้กันเร็วๆค่ะ วันนี้เคที่มีเรื่องราวของเด็กจบใหม่กับประสบการณ์เริ่มแรกของการทำงานมาฝากกันด้วย น้องๆทั้งหลายจะต้องพบเจอกับเรื่องที่คิดไว้แล้วและอาจจะคิดไม่ถึง แต่อย่าพึ่งท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มนะ ค่อยๆปรับตัวไปเรื่อยๆก็จะทำให้เราไม่ใช่เด็กจบใหม่อีกต่อไปค่ะ หรือตรงกันข้าม ใครที่มั่นใจเหลือเกินว่าฉันจะต้องผ่านโปรและเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ควรระวังเรื่องการสกัดดาวรุ่งในที่ทำงานที่ไม่ได้มีแค่ในหนังหรือละคร ไปอ่านกันดีกว่าว่าจริงๆแล้ว เด็กจบใหม่ต้องเจออะไรและครทำตัวอย่างไรในชีวิตการทำงาน


14
1. “เขาหาว่าเราเป็นเด็กจบใหม่
เลิกคิดไปได้เลยว่าจบเกียรตินิยมมา มีดีกรีมหาวิทยาลัยระดับท็อป หรือเพิ่งถอยเซอทิฟิเคท จากเมืองนิก ความจริงอย่างที่สุดคือ เราเป็น “เด็กจบใหม่” มาหมาดๆ ถึงแม้จะทำกิจกรรมมาเยอะ ทำงานมาก็มาก แต่เมื่อมาที่นี่ ตรงนี้ หรือที่ไหนตรงไหน สถานะของเธอก็ยังคงเป็นเด็กจบใหม่
2. เด็กจบใหม่กับเรื่องเม้าท์มอย “น้องๆ พี่จะเล่าเรื่องพี่คนนั้นให้ฟัง”
เพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน เป็นสังคมที่ยังไงเราก็ต้องสังฆกรรมด้วย  และถ้าเพิ่งจบมาใหม่ๆ เพิ่งเข้าทำงาน เราเองจะมองว่าทุกคนน่ารักกับเราไปหมด แต่เมื่ออาทิตย์แรกผ่านไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มจะเข้ามาหาเรา แล้วเริ่มปฏิบัติการด่าทอ หรือเล่าความลับของเพื่อนร่วมงานอีกคนให้เราฟัง บางคนอาจจะโดนแนะนำให้อยู่ห่างๆ เพื่อนร่วมงานคนนั้น หรือถูกเสนอให้เข้าพวกกับเขาด้วยความเป็นคนกลางของเด็กจบใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน เด็กจบใหม่หลายคนเลยสับสน และไม่รู้จริงว่าจะต้องทำอะไรต่อ หรือต้องทำตัวยังไง บอกได้คำเดียวถ้าเจอแบบนี้ การยึดมั่นและเชื่อในความดีเท่านั้นก็จะทำให้เราพบคำตอบ
3. เด็กจบใหม่ควรตั้งใจทำงานก่อน อย่าหวังแต่เงินเดือนขึ้นหลังผ่านโปร
เกิดขึ้นและเป็นกับทุกคน สำหรับเด็กจบใหม่ที่ทำงานในช่วงทดลองงาน เพราะทุกคนต่างหวังว่าจะได้เงินเดือนขึ้น ถ้าเราเอาแค่หวัง หวัง หวัง ความหวังจะพังทลายลงมาแน่ๆ จะเล่าความจริงให้ฟังก่อนว่าบริษัทส่วนมากไม่มีนโยบายขึ้นเงินเดือนให้หลังผ่านโปรหรอกนะ เงินเดือนที่เขาให้ตอนแรกนะ คือความเหมาะสมที่เขาประเมินขีดความสามารถของเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเขารับเข้าทำงาน เขาก็ต้องให้เราทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่ ถ้าเราทำงานไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่โฟกัสเรื่องเงิน เราเองนั่นแหละที่จะขาย ไม่ได้ทำงานต่อไป ใจเย็นๆ ไว้หน่อยท่องเอาไว้ในใจว่า “เงินเดือนขึ้นไม่ยากเท่ากับเข้าทำงานที่ไหนสักที่” “โปร คำย่อจากคำว่า Probation หรือช่วงทดลองงาน
4. ขึ้นชื่อว่างาน ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จ
เมื่อก่อนทำการบ้านไม่เสร็จ ยังลอกเพื่อนได้ ยังเนียนๆ ออดอ้อนอาจารย์ที่ปรึกษาให้ช่วยได้บ้าง แต่ชีวิตการทำงาน ใครคะ ใครคนไหนจะมาช่วย อาจจะมีบ้างตอนแรก สำหรับเด็กจบใหม่ทำอะไรยังไม่เป็น อาจจะมีคนคอยช่วยแนะนำ แต่คงไม่มีใครช่วยเราไปตลอดหรอก (แม้แต่แฟนสุดที่รักก็คงช่วยเราไม่ได้) สิ่งที่เราต้องรู้ไว้ และเริ่มทำตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ก็คือ รับฟัง เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และลงมือทำอย่างตั้งใจ
5.  ติดนิสัยระบายความเก็บกดลง facebook พ่นคำแรงลง twitter
เทรนด์ใหม่สุดล่าของการทะเลาะเบาะแว้งและมีเรื่องราวในออฟฟิศ คือ พวกเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธหรือนอยด์ไว้ในใจ และปล่อยให้มลายหายไปเองได้ แต่เรานำสิ่งที่คั่งค้างมาระบายลงหน้าวอลล์ facebook หรือ twitter งานเข้าสิทีนี้ ทำให้เกิดการรับรู้ถึงกันหมดทันที ไม่เว้นเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน เป็นเด็กจบใหม่อย่าออกตัวแรงเกิน เอาเป็นว่าเล่นออนไลน์ก็จงมีสติ อย่าทำอะไรให้ต้องมีเรื่องตามมาเลย
6. สังคมการทำงานไทย คาดหวังเจอคนอ่อนน้อมถ่อมตน
เด็กสมัยนี้ไม่มีสัมมาคารวะ ขาดความชัดเจน และไม่เป็นตัวของตัวเอง สังคมการทำงานของไทยยังผูกอยู่กับเรื่องชนชั้น บรรดาศักดิ์ และระบบพี่น้อง ทุกคนจึงคาดหวังว่าจะเห็นเด็กจบใหม่มีกิริยาเรียบร้อย คล้อยตามความเห็น มีสายตาอัน บริสุทธิ์อ่อนโยน พร้อมด้วยการพูดคุยอย่างสุภาพอีกต่างหาก หลายคนอาจจะบนอึดอัดและตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องทำด้วย” เราไม่มีคำตอบชัดเจนบอกได้ว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่เราสามารถบอกได้ชัดเจนคือ กิริยาอ่อนน้อมไม่มีได้มีความหมายว่ายอม แต่มีความหมายว่าเราให้ความเคารพในประสบการณ์ของผู้มาก่อน เป็นเรื่องดีที่จะลดอีโก้ของตัวเองออกไป
7.  เด็กจบใหม่ระวังพวกลามกเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนในที่ทำงานมีเยอะ
เด็กจบใหม่โดยเฉพาะสาวๆหลายคนใบหน้าขาวใส เอวบางร่างน้อย เป็นผู้หญิงสวยที่ใครๆ ก็หมายปอง การเข้าไปทำงานใหม่จึงถูกจับจ้องได้ง่ายกว่าปกติ มีสถิติบอกว่าผู้หญิงเราถูกลวนลามในที่ทำงานสูงมากถึง 25% จากปัญหาการถูกลวนลามทั้งหมด ทั้งเด็กจบใหม่หลายคนเจอสภาพนี้ก็ไม่กล้าที่จะบอกใคร เพราะคิดว่าตัวเองเพิ่งเข้าทำงานใหม่ ไม่อยากทำตัวมีปัญหา แต่การยอมรับบางครั้งอาจทำให้ปัญหาหนักขึ้น เราจึงต้องมีวิธีรับมือบางอย่างไว้ด้วย เช่น  เลือกใช้คำพูดที่ตัดบท ปรึกษาหัวหน้างาน หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นต้น นอกจากนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เหลือบ ริ้น ไร เข้ามาทำร้ายเราเรื่อยๆ ก็ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง แต่งตัวให้สุภาพมิดชิด และดูตาม้าตาเรือไว้บ้าง
8. เด็กจบใหม่ จงปกป้องตัวเองด้วยการทำงาน
ตอนที่เรียนอาจเคยโดนป้ายความผิดจากเพื่อนมาบ้าง หรือคนอื่นๆ บ้าง ซึ่งอย่างมากก็แค่โกรธ เลิกคบ แต่พอถึงชีวิตการรับความผิดจากใครมา อาจทำให้เราถูกไล่ออกจากงาน โดยผู้รับความผิดที่ดีที่สุดก็คือ เด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ เพราะจะถูกโยนความผิด ด้วยเหตุผลว่า “น้องเขาทำงานไม่เป็น” วิธีแก้ที่ดีที่สุดไม่ใช่เรื่องของการแก้แค้นดักตบดักตี แต่เป็นเรื่องที่เราจะต้องย้อนกลับมาที่ตัวเอง ทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ใส่ใจและตั้งใจในงานของเรา เราเชื่อว่าพลังของความดี สุดท้ายแล้วย่อมชนะพลังด้านมืดเสมอ
9. กฎระเบียบบางครั้งขึ้นอยู่กับคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความจริง
เด็กจบใหม่บางคนไฟแรง และมองว่าผิดคือผิด ถูกคือถูก จนทำให้บางครั้งเวลามีปัญหาเรื่องงาน เด็กจบใหม่จะจัดการสับแหลกทุกความจริงที่ไม่ถูกต้อง และสู้สุดใจเพื่อความยุติธรรม แต่ในชีวิตการทำงานจริงๆ ทั้งสิ น แถมยังไม่ใช่ผู้ตัดสินชี้ขาดอีกด้วย ความผิดบางอย่างจึงอาจกลายเป็นความถูกต้องของบริษัท โดยที่เรายังรู้สึกคาใจ
10. เด็กจบใหม่ระวังอ้วน
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องเบาๆ ที่เราขอบอกว่า ถ้าไม่ระมัดระวังเรื่องการกิน หรือรู้จักดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย เมื่อทำงานแล้วให้เตรียมอ้วนขึ้นได้เลย การทำงานมีความเครียดและความกดดันสูง วิธีการง่ายที่สุดที่เราชอบทำคือ ทานของจุกจิก และออกไปปาร์ตี้ เราจะทานของพวกนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ตัวเลยว่าอ้วนขึ้นตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนเพื่อนทัก หรือกลับไปเยี่ยมน้อง เยี่ยมอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แล้วมีแต่คนบอกว่าอ้วนขึ้น
ที่มา Cosmopolitan

7 เทคนิคป้องกันริ้วรอยก่อน30

โอ้ยตายว้ายกรี๊ดดด….ตื่นเช้ามาสำรวจร่องรอยบนใบหน้างามๆ ส่องตาก็เจอริ้วรอย ส่องร่องแก้มก็เจอริ้วรอย ส่องหน้าผากก็เจอริ้วรอย เวลาตื่นนอนขึ้นมาทีไรสาวๆเป็นแบบเคที่ไหมคะ ที่ต้องคอยเช็ครอยน้องกาที่จะมาประทับลงบนใบหน้าสวยของเรา นับวันมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆไม่เคยจะลดลงเลย จะโบ๊ะจะโป๊ะก็หาได้ช่วยอะไรไม่  ยิ่งส่องยิ่งมองยิ่งเครียด เอาละค่ะสาวๆวัยใกล้เลขสามทั้งหลาย วันนี้เคที่มีเคล็ดลับในการป้องกันริ้วรอยก่อน30 มาแถลงให้ทราบ อาจจะต้องใช้ความขยันและสม่ำเสมอซักหน่อย แต่ถ้าทำได้เคที่ว่าไม่ต้องพึ่งมีดหมอไม่ต้องรอครีมขั้นเทพอะไรเลยละจ้า



111
1. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 ต้องหลบแดดแรงจัด
แสงแดดอ่อนๆ ช่วง 6 - โมงเช้าและหลัง 5 โมงเย็นมีวิตามินที่ดีต่อผิว เหมาะที่คนผิวสวยจะไปเดินชิลๆ กิ๊บเก๋ แต่แดดในเวลาที่อื่นจะมีค่ารังสียูวีสูงมาก จนสามารถซอกซอนเข้าไปทำลายคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวของคุณได้ การป้องกันริ้วรอยก่อน30สำหรับคนที่ไม่อยากได้ชื่อว่าแก่ก่อนวัยจึงจะต้องหลบให้มากที่สุด ถ้าจำเป็นต้องออกไปสู้แดดอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำ และใส่หมวกแบบปีกกว้างๆ ที่สามารถบังแดดได้ไปด้วย
2. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 ควรเข้านอนหัวค่ำ
อย่าแก้ปัญหาการนอนดึกแล้วตื่นสาย เพราะถึงคุณจะนอนครบ 6 ชั่วโมงตามที่ร่างกายต้องการ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ดีกับผิว คนที่นอนดึกบ่อยๆ ผัวจะล้า ทำให้เสียความยืดหยุ่นไปโดยไม่จำเป็น ขืนทำบ่อยๆ อาจหน้าแก่กว่าคนที่เขาอายุมากแต่นอนหัวค่ำก็ได้
3. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 หมั่นล้างเครื่องสำอางทุกวัน
อย่าเข้านอนทั้งๆที่เมคอัพยังเต็มหน้าเป็นอันขาด เพราะเครื่องสำอางพวกนี้จะไปอุดรูขุมขน ทำให้ผิวขาดออกซิเจนหล่อเลี้ยง สังเกตง่ายๆ ว่าวันไหนที่เข้านอนโดยไม่ล้างหน้า ตื่นเช้าขึ้นมาผิวของคุณโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด และในการล้างหน้าเมคอัพคุณควรใช้ครีมล้างชนิดต่างๆ ที่ปราศจากน้ำมัน ไม่อย่างนั้นน้ำมันในครีมอาจจะแทรกซึมเข้าไปในผิว ทำให้หน้ามันและเกิดการอุดตันจนเป็นสิวเสียเอง
4. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 ควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่า 6 แก้ว
และต้องเป็นน้ำเปล่าสะอาดๆ เท่านั้น ไม่นับน้ำอัดลม กาแฟ ชา หรือน้ำเปลี่ยนนิสัยที่ผู้หญิงบางคนชอบไปดริ้งค์ตามผับนะจ๊ะ น้ำสะอาดจะทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยล้างสารพิษที่ทำให้ผิวอิดโรย และที่สำคัญคือมันทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น คนที่ผิวแห้งถึงได้มีริ้วรอยง่ายก็เพราะขาดน้ำมาหล่อเลี้ยงใต้ผิวไงละ
5. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 ลองอา อี เอ โอ อู ทุกวัน
แค่ท่องคำว่า “อา อี เอ โอ อู” เช้าเย็นเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อน30เป็นประจำทุกวันก็ช่วยบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าได้แล้ว ที่สำคัญเวลาท่องอย่าลืมอ้าปากกว้างเต็มที่ด้วย กล้ามเนื้อของคุณจะได้เอ็กเซอร์ไซส์
6. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 เวลากินของหวานต้องหารครึ่ง
สาวๆที่เป็นปลื้มกับของหวานอาจจะยังไม่รู้ว่าน้ำตาลเป็นศัตรูตัวสำคัญของผิว เพราะกระบวนการที่ร่างกายเผาผลาญในน้ำตาลต้องใช้ความร้อนสูง ทำให้เกิดขยะขึ้นบนผิว ยิ่งหวานมาก็ยิ่งมีขยะมาก คนที่นิยมกินของหวานๆ จึงมักจะหน้าเหี่ยวเร็วเหลือเกิน คำว่าของหวานนี้รวมไปถึงเหล้า ค็อกเทล ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีสวยๆด้วยนะ เพราะนั้นนะน้ำตาลสูงปรี๊ดยิ่งกว่าน้ำอัดลมเสียอีก ไม่อยากแก่ก่อนวัยหนทางป้องกันริ้วรอยก่อน30ก็คือการลดน้ำตาลบ้างเนี่ยะแหล่ะสำคัญ
7. ป้องกันริ้วรอยก่อน30 ควรหมั่นทาโลชั่น
โดยเฉพาะคนที่ต้องนั่งอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ซึ่งจะเสียน้ำหล่อเลี้ยงใต้ผิวมากกว่าคนที่อยู่ในอากาศชื้น จึงต้องทาโลชั่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวได้รับอาหารและความชุ่มชื้นที่จำเป็น ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่จำเป็นมากคะ
ที่มา : Spicy

จัดการศอกและเข่าแห้งหยาบให้เนียนนุ่ม

ในช่วงฤดูหนาวถือได้ว่าที่เลวร้ายที่สุดของปีสำหรับคนที่มีผิวบริเวณศอกและเข่าแห้ง โดยเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิที่เย็นลงและอากาศแห้ง!  โดยปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมด จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผิวพรรณส่วนต่างๆโดยเฉพาะศอกและเข่าแห้งเกิดอาการแพ้หรือคัน เกิดเป็นขุยแห้งและแตก เป็นผิวส่วนที่ทำงานหนักมีการหยาบกร้านด้านและแห้งมาก เรามาดูแลผิวข้อศอกและเข่าแห้งๆเหล่านั้นของคุณด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้



12
1.การขัดผิว
ไม่ว่าคุณจะใช้น้ำมันมะกอกและอัลมอนด์หรือขัดกับรังบวบกับน้ำตาลหรือเกลือสปาร์ สิ่งสำคัญที่ของการขัดผิวคือการขจัดเซลล์ผิวที่แห้งหรือตายแล้วออกไป คุณต้องเน้นเป็นพิเศษกับศอกและเข่าแห้งหยาบของคุณแน่นอน และโปรดใช้ความระมัดระวังที่จะไม่ใช้อะไรที่รุนแรงเกินไปและการขัดผิวบ่อยมากเกินไปก็จะไม่ส่งให้เกิดผลดี
2.หลีกเลี่ยงน้ำร้อน
ในฤดูหนาวเป็นฤดูที่ดึงดูดให้คุณดื่มด่ำในห้องอาบน้ำนานมากกว่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออากาศหนาวเย็น อย่างไรก็ตามน้ำร้อนสามารถดูดความชื้นออกจากผิวของคุณ ทิ้งคุณให้มีศอกและเข่าแห้งขาดความชุ่มชื่น ควรปรับอุณภมูิของน้ำให้อยู่ในระดับอุณหภูมิปานกลาง “มากกว่าจะเป็นน้ำอุ่น”
3.ปกป้องข้อศอกและหัวเข่า
คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะออกไปสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นแสนสบายภายนอก แต่ถ้าคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงผิวศอกและเข่าแห้ง สิ่งที่คุณควรจะปกป้องผิวสองส่วนนี้จากความหนาวเย็น ลมแรง แดดร้อน และอากาศหนาว ควรจะเป็นกางเกงขายาวและเสื้อยืดแขนยาวนุ่ม จะเหมาะสมที่สุด
4.ใช้ EMOLLIENT
Emollient มันไม่ได้เป็นครีมโลชั่นเป็นจึงไม่ดูดซับได้อย่างรวดเร็ว Emollient จะทำหน้าที่หล่อลื่น ให้ความชุ่มชื้นเป็นชั้นของฟิล์มที่เคลือบผิวหนัง ช่วยเก็บรักษาความชื้น น้ำไว้กับผิวหนัง
5.ใช้โลชั่นหลังจากอาบน้ำ
ผิวของคุณจะมีความสามารถในการดูดซับความชื้นมากที่สุดหลังจากการอาบน้ำของคุณ ควรใช้โลชั่นหลังจากที่คุณเช็ดตัวเรียบร้อยแล้วทันที การเลือกใช้โลชั่นที่มีความข้นสูงและมีเนื้อครีม และสามารถใช้ได้อีกครั้งก่อนนอน เพื่อช่วยเพื่มการดูดซึมของครีม/โลชัน วิธีโฮมเมดแบบง่ายๆ คือ ตัดนิ้วเท้าออกจากสองคู่ถุงเท้าแล้วนำมาสวมหัวเข่าและข้อศอกของคุณ
6.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์เป็นตัวการที่ทำให้คุณผิวศอกและเข่าแห้งตึงหยาบกร้านมากขึ้น เพียงตรวจสอบฉลากเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณไม่ได้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ใด ๆ ผสมอยู่
7 การผ่อนคลาย
เหนือสิ่งอื่นใด อาจมีผลจากความเครียด ดังนั้นวิธีการใหม่ที่จะรับมือกับความเครียดในชีวิตของคุณ ลองฝึกโยคะ, วิ่ง, สมาธิหรือแม้แต่การเปลี่ยนงาน ถ้าสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็จะดีตามไปด้วย
8 คุณมีอาการแพ้หรือไม่?
หากผิวศอกและเข่าแห้งหยาบของคุณไม่หายไป คุณอาจมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพบแพทย์ของคุณ คุณอาจมีกลากโรคผิวหนัง หรือเป็นผมคุณก็อาจจะมีปฏิกิริยาการแพ้กับอะไรบางอย่าง เช่น น้ำยาซักผ้าของคุณหรือแม้แต่แชมพูของคุณก็เป็นได้
ที่มา : Allwomentalks

เปลี่ยนวิธีออกกำลังกาย ยิ่งสลายแคลอรี่

ถึงจะอยากผอม แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างเคร่งเครียดอยู่ในยิมทุกวัน ไปว่ายน้ำเอาเป็นเอาตาย หรือเข้าฟิตเนสทุกวันไม่ขาดวันละสองสามชั่วโมง การได้เปลี่ยนไปออกกำลังกายอะไรใหม่ๆ บ้างจะทำให้คุณได้ใช้พลังงานมากขึ้นไปอีก ที่สำคัญการไปฟิตเนสหรือออกกำลังกายแบบเดิมมันน่าเบื่อจะตาย ต่อให้มีเทรนเนอร์หล่อบาดจิต สาวสวยระดับซุปตาร์ แต่วันๆก็อยู่แต่เครื่องออกกำลังกายสไตล์เดิมๆ ไม่ดึงดูดให้เสียเหงื่อเอาซะเลย เราลองมาเปลี่ยนการออกกำลังกายให้หลากหลายขึ้นดีมั้ยคะ หากว่าคุณเป็นสาวชาวกรุงการหากิจกรรมเรียกเหงื่อที่สัมผัสธรรมชาติอาจจะยากอยู่สักหน่อย แต่สามารถใช้ในช่วงที่คุณไปต่างจังหวัดไปเที่ยวด้วยออกกำลังกายไปด้วย แจ่มเลยล่ะ



112
1. ออกกำลังกายด้วยการนั่งบานาน่าโบ๊ท
ปกติการนั่งบานาน่าโบ๊ทก็สนุกอยู่แล้ว แต่ของแถมก็คือมันจะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของหน้าท้องแบนเรียบได้อีกอย่างหนึ่งด้วย เวลานั่งโต้คลื่นแรงๆ ถ้าเราเกร็งหน้าท้องให้แน่นที่สุด กล้ามเนื้อตั้งแต่ช่วงขาอ่อนลงมาจะเกร็งตามไปด้วย ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น และยังสลายเซลลูไลท์บริเวณต้นขา ทำให้ต้นขาย้อยๆ เล็กกระชับทันใจ
2. ออกกำลังกายด้วยการจ๊อกกิ้งบนเนินทราย
คนที่ชอบไปทะเลจะรู้ดีว่าเวลาวิ่งบนพื้นทรายจะเหนื่อยกว่าวิ่งบนถนนธรรมดา เพราะเม็ดทรายเป็นตัวสร้างแรงต้น จะทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าวิ่งบนพื้นเรียบถึง 25% ยิ่งถ้าลุยขึ้นไปบนเนินทรายสูงๆ ยังจะช่วยกระชับสะโพก ซึ่งเป็นส่วนที่ลดยากที่สุดให้กลมกลึงเฟิร์มสวย
3. ออกกำลังกายด้วยการขึ้นลงบันไดเวียน
เวลาไต่ขึ้นบนบันได้เวียนอย่าลืมเหยียดหลังตรงและยกขาสูงๆเข้าไว้ พยายามเดินรวดเดียวให้ถึงข้างบนสุด อย่าหยุดพักกลางทาง ระบบเผาผลาญจะถูกกระตุ้นให้ทำงานดียิ่งขึ้น หมั่นทำเป็นประจำจะเห็นเลยว่าต้นขากับน่องเล็กลงเร็วทันใจ
4. ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำทะเล
ลำพังว่ายน้ำในสระก็ช่วยให้หุ่นดีแล้ว แต่การว่ายน้ำในทะเลจะทำให้ได้ใช้พลังงานมากขึ้นไปอีกถึง 20% โดยเฉพาะการว่ายโต้คลื่นหรือว่ายทวนกระแสน้ำ เวลาว่ายอย่าลืมเหวี่ยงแขนแรงๆ สลับกับเตะขาแรงงกว่าปกติ แค่สิบนาทีคุณจะเหนื่อยพอๆ กับว่ายน้ำในสระนานครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว
ที่มา : Spicy