Translate

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

สูตรลดน้ำหนักแสนง่าย ทำได้หรือไม่ อยู่ที่คุณ!!!

  ว้าย กรี๊ด ยามที่ต้องขึ้นชั่งน้ำหนักแล้วเห็นตัวเลขมันเพิ่มขึ้นเอาเรื่อยๆ มันรู้สึกน่าใจหาย ซะทุกครั้งไป  จะทำยังไงให้น้ำหนักของเราคงที่หรือลดลงไปในสภาพ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ไม่ดูอ่อนระโหยโรยแรง ได้มั่งไหมนี่ สาวๆหลายคนคงคิดหาวิธีลดน้ำหนักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ต้องกลัววันนี้ เราได้รวบรวมสูตรการลดน้ำหนักที่จะทำให้สาวๆมีน้ำหนักที่สวยสมส่วน พร้อมกับมีสุขภาพที่ดีได้ มาไว้ให้แล้ว  ตามมาดูกันต่อได้ที่นี่


ลดน้ำหนักสูตรหนึ่ง
ขอบอกว่าการลดน้ำหนักสูตรนี้เรียกได้ว่าสูตรพื้นฐานในการลดน้ำหนักมั่กๆ เลยนะคะ แต่รับรองว่าได้ผลจริง เพราะลองมากับตัวเอง หนึ่งสัปดาห์ลดน้ำหนักได้ 2 – 3 กิโล เลยทีเดียว
 diet
เริ่มต้นอย่างช้าๆแต่มั่นคงในการลดน้ำหนัก ด้วยมื้อแรกของวันแรก อย่าเพิ่งหักโหมค่ะ!!! เรื่องลดน้ำหนักต้องค่อยเป็นค่อยไป

ตอนเช้าเริ่มต้นลดน้ำหนักก็อาจจะเป็นขนมปังสักชิ้น กับโยเกิร์ตไขมันต่ำหรือนมพร่องมันเนย จะกินกาแฟ โกโก้ อะไรตามปกติก็ได้
กลางวันก็เป็นข้าวต้มหรือเกาเหลา เกี๊ยวน้ำ
ตอนเย็นให้เป็นแกงเลียง อ่อมผัก หรือ น้ำพริก ปลาทู ผักต้ม แบบไม่มีข้าวนะคะ

การลดน้ำหนักวันที่สอง

ตอนเช้าอาจจะเปลี่ยนเป็น ชาหรือกาแฟไม่ใส่นม ไม่ใส่ครีม และน้ำตาลน้อยที่สุด ไม่ใส่เลยยิ่งดีค่ะ หรือถ้าไม่ทานชา กาแฟ ก็เป็นพวกน้ำผลไม้100% ขอเน้นนะคะว่า 100% อย่าไปซื้อเชียวพวกน้ำผลไม้ในตู้ จากการลดน้ำหนักจะกลายเป็นเพิ่มแทน เพราะน้ำตาลเยอะกว่าชา กาแฟอีกค่ะ ลองดูปริมาณแคลอรี่ก็ได้ ขอแนะนำให้เป็นน้ำผลไม้จำพวก แครอท แอปเปิ้ล หรือฝรั่ง ถ้าทานแบบวันแรกได้ก็ดีค่ะ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องงดขนมปังนะคะ แต่ให้เปลี่ยนเป็นขนมปังโฮลวีตเท่านั้น ถ้าแผ่นเดียวไม่พอ จะขอ 2ก็ได้อยู่ค่ะ
กลางวันก็ให้ทานสลัดไก่ สลัดหมู สลัดปลา อะไรก็ว่าไป ส่วนน้ำสลัดไม่จำเป็นต้องน้ำใสก็ได้ค่ะ แต่ควรจะใส่ให้พอมีรสชาดเท่านั้น
ตอนเย็นอาจจะเป็นแกงเลียงหรือน้ำพริกเหมือนเดิม แต่ถ้าอยากหักดิบลดน้ำหนักได้เร็วๆ ก็ให้ทานไข่ต้ม ฟองก็พอค่ะ

การลดน้ำหนักวันที่สาม

เมื่อร่างกายเริ่มรับอาหารน้อยลงได้ ก็จะง่ายต่อการลดน้ำหนัก มื้อเช้าก็ให้เลือกทานชาหรือกาแฟน้ำตาลน้อยที่สุด หรือนมพร่องมันเนย หรือโยเกิร์ตไขมันต่ำกับขนมปังโฮลวีต1-2แผ่นเหมือนเดิมค่ะ
กลางวันให้ทานสลัดเหมือนวันที่สอง
ตอนเย็นก็ไข่ต้ม ฟองค่ะ

การลดน้ำหนักวันที่สี่

ตอนเช้าก็เลือกทานเหมือนทุกวัน
กลางวันไข่ต้ม ฟอง
ตอนเย็นทานผลไม้ที่ไม่เพิ่มน้ำหนัก หรือซุปผัก

ส่วนการลดน้ำหนักวันที่ห้า หกและเจ็ด ก็เลือกทานสลับกันในมื้อ เหมือนวันที่สามกับวันที่สี่ แต่ขอให้เป็นพวก

ไข่ต้ม ไม่เกิน ฟอง
โยเกิร์ตไขมันต่ำ หรือนมพร่องมันเนย
สลัดไข่ สลัดปลา หรือสลัดไก่ไม่ติดมัน ใส่ครีมน้อย
น้ำผลไม้ 100% หรือผลไม้ประเภทที่ทานเพื่อช่วยลดน้ำหนักได้

วันที่เจ็ดของการลดน้ำหนักอนุญาติตัวเองได้นะ ถ้าเกิดอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็ทานได้มื้อเย็นของวันนี้เลยค่ะ พอวันต่อมาวันที่แปดก็เริ่มทานตามสูตรลดน้ำหนักเหมือนเดิมรับรองหุ่นเก๋ไก๋สไลด์เดอร์อยู่แค่เอื้อม

 BXP44740
เคทีจะเตือนก่อนว่าสามถึงสี่วันแรกของการลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักไม่ลงอย่าเพิ่งเสียใจไปนะคะ เพราะรับรองว่าถ้าวันต่อๆมาเราไม่ท้อถอย นอกลู่นอกทางซ่ะก่อนได้ผลแน่ค่ะ สำหรับเคทีเองเมื่อลดน้ำหนักผ่านไปสามวันน้อยใจมากที่อุตส่าห์ลดอาหาร(เพราะปกติกินทั้งวันแต่ทำไมน้ำหนักไม่เห็นลดเลย เกือบจะยอมแพ้ซ่ะแล้ว แต่ก็กัดฟันลองทำต่อไป ซื่อสัตย์กับตัวเองไว้ว่าต้องลดน้ำหนักให้ได้ ปรากฏว่าชั่งน้ำหนักอีกทีประมาณวันที่หก ก็ลดน้ำหนักลงมาเหลือสองกี่โลเลยล่ะค่ะ ขนาดว่าเป็นคนที่ท้องผูกด้วยนะเนี่ยะ สันนิษฐานว่าช่วงแรกของการลดน้ำหนักเราทานเพื่อปรับสภาพร่างกาย การทานน้อยลงเป็นการควบคุมไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม เมื่อน้ำหนักคงที่พอเราทานน้อยลงน้ำหนักก็จะลงตามค่ะ
ง่ายต่อการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องในวันต่อๆมา
แต่เคทีไม่แนะนำการลดน้ำหนักโดยลดอาหารในมื้อเช้าหรือกลางวันสำหรับคนที่ต้องใช้พลังงานทั้งวัน หรือถ้าวันไหนรู้ว่าตัวเองต้องออกไปข้างนอก หรือต้องใช้สมองคิดนั่นคิดนี่ทั้งวันนะคะ เพราะจะทำให้เราหิวเร็ว เนื่องจากทานอาหารน้อยไป อาจทำให้ปวดท้อง แสบท้อง ถึงขั้นเป็นลมหรือเป็นโรคกระเพาะได้ค่ะ ฉะนั้นอย่าห่วงเรื่องลดน้ำหนักจนลืมดูแลสุขภาพด้วย

ลดน้ำหนักสูตรสอง

การลดน้ำหนักสูตรนี้เหมาะสำหรับสาวๆที่ติดการทานข้าวรวบมื้อ มีเรียนหรือทำงานช่วงสาย เคทีเคยคุยกับเพื่อนที่เรียนจบด้านโภชนาการ เขาบอกว่าไม่มีปัญหาถ้าหากว่าเราไม่ค่อยได้ใช้พลังงานระหว่างวันค่ะ เราสามารถทานมื้อเช้าและกลางวันเป็นมื้อเดียว แล้วก็ไปทานมื้อเย็นเลย หรือเฉลี่ยว่าทานสองมื้อต่อวัน ซึ่งควรเป็นช่วง 10 - 11 โมง
 eating-disorder-tm441615-51med
สำหรับการลดน้ำหนักสูตรสอง
มื้อแรกของวันทานเท่าไหร่ก็ทานไปเลยค่ะ แต่ต้องให้อิ่มในมื้อเดียวไปเลยนะคะ เพราะเราจะได้อยู่ได้ทั้งวันจริงๆ
มื้อเย็นให้ทานน้ำพริกกับผักต้ม แกงเลียง อ่อมผัก ไข่ต้ม หรือสลัดแทน เพราะว่าเราไม่ได้ใช้พลังงานแล้ว สูตรนี้หนึ่งสัปดาห์จะลดน้ำหนักได้หนึ่งกิโลหรืออาจมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้พลังงานค่ะ

อย่างไรก็ตามเคทีเองลองสูตรลดน้ำหนักมาแล้วทั้งสองสูตร แม้ว่าสูตรลดน้ำหนักสูตรแรกจะทานครบสามมื้อแต่ทว่าทรมานมากกว่าเพราะเราต้องทานให้น้อยที่สุดเพื่อเฉลี่ยกับมื้ออื่นๆ ส่วนสูตรลดน้ำหนักสูตรที่สองเป็นอะไรที่สบายกว่าหน่อยเพราะทานได้เต็มคราบ แต่แน่นอนว่าลดน้ำหนักสูตรสองจะลดน้ำหนักได้น้อยกว่าค่ะ แต่หากเราต้องเข้างานหรือมีเรียนตอนเช้า เคทีว่าสาวๆน่าจะใช้สูตรแรกจะเหมาะกว่าค่ะ และไม่ว่าสูตรลดน้ำหนักสูตรไหนๆเพื่อนๆชาวโยพิก็อาจเอาไปประยุกต์ได้ตามชีวิตประจำวัน ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายบ้าง ดื่มน้ำมากๆ ทานแต่อาหารต้มๆ นึ่งๆ และผักผลไม้สด นอนหลับให้เพียงพอประมาน 8 ชั่วโมงต่อวันด้วยล่ะ การนอนเนี่ยะมีส่วนช่วยลดน้ำหนักด้วยนะ แต่ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสมพอเพียงค่ะ แล้วถ้าเพื่อนๆชาวโยพิลองทำตามสูตรลดน้ำหนักและได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมาโพสบอกกันบ้างนะคะ

ผักสด VS ผักแช่แข็ง

หนุ่มสาวรักสุขภาพทั้งหลายทั้งมวล แต่ละวันที่ผ่านมาของคุณได้รับประทานอาหารครบหมวดหมู่กันหรือเปล่าคะ สารอาหารที่สำคัญที่สุดแบบว่าขาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นผักนี่แหล่ะค่ะ แน่นอนว่าผักสดย่อมมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนกว่าผักแช่แข็ง แต่ด้วยชีวิตที่รีบเร่งของคนทำงานในยุคปัจจุบัน ผักแช่แข็งเลยเข้ามามีบทบาทเด่น ข้อดีของผักแช่แข็งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เก็บไว้ได้นานและสะดวก เราได้รวบรวมวิธีการปรุงอาหารที่ดีและเหมาะที่สุดสำหรับผักชนิดต่างๆ ทั้งสดและแช่แข็งไว้ที่นี่แล้ว อย่ารอช้า ตามไปดูกันเลย


15
หน่อไม้ฝรั่ง
ลดกรดในลำไส้ อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส วิตามินเอ ซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินบีคอมเฟล็กซ์ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย
กินสดดีที่สุด หน่อไม้ฝรั่งสดๆ ราดน้ำสลัดรสจัด หรือกินแบบจิ้มดิบๆ นั้นเริ่ดสุด แต่ถ้านำไปปรุงผ่านความร้อนเล็กน้อยเพื่อรับประทานเป็นเครื่องเคียง คุณค่าทางโภชนาการอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็นับว่ายังได้อยู่
แช่แข็งก็พอได้ หน่อไม้ฝรั่งแช่แข็งควรใช้ในเมนูที่ไม่ได้มีหน่อไม้ฝรั่งเป็นตัวชูโรง จะได้มีคุณค่าทางโภชนาการจากส่วนประกอบอื่นๆ เพราะหน่อไม้ฝรั่งแช่แข็งโดยลำพังนั้น มีสารอาหารน้อยกว่าแบบสดอยู่มากโข
ฟักทอง
มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง มีเส้นใยมาก ไขมันน้อย แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยธาตเหล็ก วิตามินซี ไนอาซิน วิตามินบี 1 และ บี 2
กินสดดีที่สุด คุณจะได้อรรถรสของเนื้อ รสชาติ และความหนึบของฟักทองได้ดีที่สุด ถ้าใช้ฟักทองสดมาปรุงอาหาร จริงๆแล้วสามารถเก็บฟักทองแบบสไลซ์ในตู้เย็นได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์  เพราะฉะนั้นซื้อหาฟักทองสดมาติดครัวไว้ก็ไม่เสียหลายนะคะ
แช่แข็งก็พอได้ ฟักทองแช่แข็งมักนำมาบดเพื่อทำซุป เริ่มสอดไส้พาสต้า หรือใช้เป็นไส้ของพาย แต่ถ้าต้องการปรุงฟักทองเป็นชิ้นๆ แบบแช่แข็งนี่อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะเนื้อของฟักทองจะเปื่อยยุ่ยหลังนำออกจากช่องแช่แข็งแล้ว
ถั่ว
ให้พลังงานต่ำ เป็นใยอาหารที่ละลายในน้ำได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด อุดมไปด้วยเหล็ก ไนอาซิน วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส
กินสดดีที่สุด ถั่วประเภทผักชนิดต่างๆ สามารถนำไปปรุงอาหารเมนูง่ายๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผัดถั่วกับเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ หรือผัดถั่วกับน้ำมันหอยแบบครัวจีน แม้กระทั้งนำมาลวกเป็นจานเครื่องเคียงพร้อมซอสแบบต่างๆ
แช่แข็งก็พอได้ ถั่วแช่แข็ง (รวมถึงถั่วลันเตาแกะเฉพาะเมล็ด) เหมาะใช้ทำอาหารที่ใช้เวลาปรุงค่อนข้างมาก รวมถึงใช้ความร้อนค่อนข้างสูงขณะปรุงด้วย อาทิ ใช้เป็นส่วนผสมในเมนูตุ๋นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ใช้ในการทำซุป หรือใช้เป็นหนึ่งในไส้ของพาย เป็นต้น
ข้าวโพด
ลดอาการบวมน้ำ ช่วยขยายหลอดเลือด ปรับระดับคอเลสเตอรอล ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง อุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 ไนอาซิน แคลเซียม และธาตุเหล็ก
กินสดดีที่สุด การรับประทานข้าวโพดสดๆ หรือนำไปต้มทั้งฝักนั้นจะได้ความหวานหอมของข้าวโพดโดยตรง หรือจะฝานออกจากฝักเพื่อนำมาโรยสลัด ทำเป็นซอสข้าวราดไก่หรือพาสต้า ก็จะยังได้ลิ้มรสความหวานของข้าวโพดมากกว่าข้าวโพดแช่แข็งอยู่ดี
แช่แข็งก็พอได้ ข้าวโพดแช่แข็งเป็นส่วนประกอบที่เวิร์กมากสำหรับประกอบอาหารประเภทตุ๋นชนิดต่างๆ รวมไปถึงการทำน้ำซุปและการทำขนมปังข้าวโพด และอีกหลากหลายเมนูที่ไม่ต้องง้อความหวานจากธรรมชาติของข้าวโพด
ผลเบอร์รี่
ช่วยป้องกันการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ในดวงตา ชะลอการเสื่อมของเลนส์ตาและจอประสาทตา  อุดมไปด้วยวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน
กินสดดีที่สุด เราจะได้รับสารอาหารในผลเบอร์รี่แบบเต็มๆ มารับประทานสดๆ ข้อเสียของผลเบอร์รี่สดสำหรับประเทศแถบร้อนอย่างเรา คือมีราคาสูง และหาซื้อแบบสดๆได้ยาก นอกจากนี้ยังเสียง่ายแม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม
แช่แข็งก็พอได้ ผลเบอร์รี่แช่แข็งนิยมใช้เป็นส่วนประกอบของเบเกอรี่ทุกชนิด เมนูสมูธตี้ที่มีส่วนผสมของเบเกอรี่ก็ใช้แบบแช่แข็งด้วยกันทั้งสิ้น การนำผลเบอรี่ออกมาจากช่องแช่แข็งเพื่อให้คลายตัวนั้น จะทำให้ความเข้มจข้นของรสชาติลดน้อยลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผักโขม
มีโปรตีนสูง พร้อมเบต้าแคโรทีนและสารซาโปนิน ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ มีธาตุแคลเซียมสูงกว่านมสด แถมมีวิตามินซีมากกว่าส้มเขียวหวานอีก
กินสดดีที่สุด ผักโขมนั้นยิ่งสดยิ่งอร่อย นอกจากจะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารแล้ว ยังมีรสชาติกลางๆ เหมาะที่จะนำไปเป็นเครื่องปรุงกับผักชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำผักโขมสดๆ ไปโรยหน้าพาสต้าหรือซุปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการเป็นเยี่ยม
แช่แข็งก็พอได้ ผักโขมแช่แข็งนิยมใช้ทำผักโขมอบชีส ลาซานญ่า ซุป หรือนำมาบดทำเป็นดิป ชนิดต่างๆ หลังจากนำผักโขมแช่แข็งออกมาจากตู้เย็นและคอยให้ละลายแล้ว อย่าลืมสะเด็ดออกจากผักให้หมดจริงๆ ก่อนนำไปปรุงอาหารด้วย
ที่มา : Cosmopolitan

ดูแลความสวยไม่เว้นแม้วันหยุด

เมื่อถึงวันหยุดพักผ่อน ถึงแม้เรามีโอกาสให้ร่างกาย สมอง และหัวใจพักผ่อนจากการงานที่เหนื่อยล้า แต่ก็ต้องให้อวัยวะที่ต้องดูแลความสวยให้งามได้พักกันด้วยนะคะไม่ว่าจะผิวหน้า ผิวกาย เส้นผมและหนังศรีษะ และสุขภาพภายใน ควรดูแลความสวยบำรุงกันบ้างไรบ้างหลังจากเผชิญมลภาวะมาทั้งสัปดาห์ มาเอาใจใส่กันนิดหนึ่งน่า พร้อมแล้วไปเตรียมตัวดูแลความสวยกันตั้งแต่หัวจรดเท้า ในวันหยุดยาวหน้าเลยคร่า

fruity face treatment
Hair ดูแลความสวยเริ่มกันที่เส้นผม ในวันหยุดยาวนั้นเหมาะอย่างยิ่งกับการหมักผม และอบไอน้ำ เติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม เรามีสูตรหมักผมดีๆ มาฝาก ใครชอบสูตรไหนก็เลือกใช้ได้เลยคร่า
สูตร 1 ผลไม้ดีๆ อย่างอะโวคาโด นอกจากจะกินให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังนำมาหมักผมให้เส้นผมมีน้ำหนักด้วยนะคะ โดยนำเนื้ออะโวคาโดมาประมาณ 3 - 4 ลูก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวของผมด้วยนะคะ แล้วยีให้เป็นเนื้อเละๆ นำไปผสมกับน้ำมันมะกอก หรือจะใช้เบบี้ออยล์ก็ได้คะ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วชโลมให้ทั่วเส้นผม ล้างด้วยน้ำสะอาด ผมก็จะนุ่มและไม่ลีบแบน ไม่ต้องไปเสียเงินทำทรีตเม้นท์ราคาแพง แถมยังทำซ้ำได้สัปดาห์ละครั้งเลยนะคะ
สูตร 2 สำหรับสาวๆที่อยากมีผมที่เรียกตรง ดูสวยและจัดทรงง่าย ต้องสูตรนี้เลยคะ โดยนำน้ำผึ้งประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับมายองเนสประมาณ 5 - 6 ช้อนโต๊ะ แล้วน้ำมันมะกอกอีก 1 ช้อนโต๊ะ คนจนเข้ากันเป็นเนื้อครีมแล้วก็นำมาลูบไล้ให้ทั่วเส้นผม ใช้หวีซี่ห่างหวีเบาๆ ให้ผมเรียบเป็นทรง หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หือจะใช้หมวกอบไอน้ำด้วยก็ยิ่งดีคะ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้จะได้ผมที่ตรงสวยแล้วค่า
สูตร 3 สาวๆที่ดัดผมมาเป็นลอนแล้วอยากถนอมผมลอนสวยๆ นี้ ไว้ ไม่ให้คลายออกง่ายๆต้องลองสูตรนี้คะ โดยน้ำข้าวโอ๊ตไปบดให้ละเอียดประมาณ 3 - 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วยตวง แล้วนมรสจืดอีกประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาหมักผมทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรหมักผมนีจะช่วยยืดอายุของลอนผมที่ดัดมาให้อยู่นานขึ้น ไม่ต้องไปดัดใหม่บ่อยๆ ให้เปลืองตังค์และผมเสียอีกด้วยนะคะ
Face ผมสวยแล้ว เราก็ต้องดูแลความสวยส่วนที่สำคัญมากของร่างกายอย่างใบหน้ากันคะ สูตรพอกหน้าดีๆ เราก็มีมาฝากเช่นกัน ถ้าพร้อมแล้วไปเลือกกันเลยคะว่าจะใช้สูตรพอกหน้าแบบไหนกันดี
สูตร 1 สูตรนี้ใช้แป้งข้าวเจ้าผสมกับนม โดยนำทั้งสองอย่างมาผสมกันจนเป็นแป้งข้นๆ ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้จนแห้ง จะรู้สึกตึงๆ ที่ใบหน้า พอครีมนั้นเริ่มแข็งตัวก็ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยให้ใบหน้ากระชับ และเกลี้ยงเกลาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
สูตร 2 สำหรับสาวผิวมันต้องสูตรนี้เลย โดยนำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆ แล้วปั่นรวมกับไข่ขาว บีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ก็นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าเลย โดยเว้นบริเวณรอบดวงและปากไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แตงกวาและมะนาวจะช่วยลดความมันส่วนเกิน และไข่ขาวก็ช่วยกระชับผิวด้วยคะ
สูตร 3 ต่อมาเป็นสูตรเพื่อผิวหน้ากระจ่างใส โดนนำแอปเปิ้ล 1 ผล มาปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วปั่นรวมกันกับน้ำผึ้งประมาณ 4 - 5 ช้อนโต๊ะ จนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นก็พอกทิ้งไว้ให้ทั่วใบหน้าประมาณ 20 นาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด คุณจะได้ผิวที่สวยกระจ่างใส ดูสุขภาพดีสุดๆ เลยค่า
Body ผมและใบหน้าก็ดูแบบจัดเต็มไปแล้วดูแลความสวยที่ผิวกายจะปล่อยให้หมองๆ โทรมๆ ได้ยังไงละ วันหยุดแบบนี้ต้องจัดเต็มกับสูตรสครับผิวกายที่นำมาฝากกันเลย
สูตร 1 สาวๆที่ต้องต่อสู้กับปัญหารอยด่างดำจากแผลเป็นต่างๆ ต้องลองสูตรนี้เลย โดยการบีบีมะนาวลงไปในดินสอพองจนเป็นเนื้อเหนียวข้น แล้วนำมาพอกผิวทั้งแขน และขา ทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากมีเวลาควรทำบ่อยๆ จะช่วยลดรอยด่างดำตามแขนและขาไปได้เยอะทีเดียว
สูตร 2 สูตรต่อคือการผสมกันของมะละกอสุก นมสด และเกลือ โดยผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน และข้นๆ พอดี ไม่เหลวเกินไป จากนั้นพอกทิ้งไว้ทั้งตัว ประมาณ 20 -30 นาที ระหว่างที่พอกก็ลูบไล้และขัดผิดด้วยเกลือที่เป็นส่วยผสมเบาๆ เพื่อให้เซลล์ผิวที่ตายนั้นหลุดออกมา แล้วจึงอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด ผิวของสาวๆ จะขาวกระจ่างใส ดูสุขภาพดีสุดๆ เลยจ้า
สูตร 3 สูตรต่อมาคือ การอาบน้ำนมคะ โดยผสมนมสมกับน้ำเปล่าที่สะอาดในปริมาณที่เท่าๆกัน แล้วลงไปแช่ทั้งตัว หรือถ้าหานมสดปริมาณมากๆไม่ได้ ก็ใช้วิธีเทนมลงบนผิวโดยตรงแล้วใช้ใยบวบขัดผิวเบาๆ ก็ได้เช่นกันคะ นมสดจะช่วยให้ผิวของคุณเนียนนุ่มน่าสัมผัสจ้า
Detox เมื่อภายนอกสวยใสปิ๊งๆ กันไปแล้ว ก็มาถึงการดูแลความสวยส่วนสุดท้ายที่จะมองข้ามไม่ได้ คือการสวยจากภายในด้วยการดีท็อกซ์ล้างพิษ โดยสูตรดีท็อกซ์ที่นำมาฝากนี้ก็เป็นสูตรง่ายๆ ที่ทำได้ใน 1 วัน ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มเลย
- เลือกผลไม้ที่ชอบมา 1 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ ยกเว้นอยู่ 2 อย่างคือ ทุเรียนและสับปะรด เพราะทุเรียนมีแคลอรี่สูงเกินไปและย่อยยาก ส่วนสับปะรดนั้นมีกรดสูงมาก ถ้ากินทั้งวันท้องจะอืดได้
- กินผลไม้ที่เลือกมา 1 ชนิดนั้นตลอดทั้งวัน อาจจะใช้วิธีปรุงต่างๆ กันไป เช่นกินสดๆ หรือนำไปทำเป็นสลัด โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่ปรุงรสชาติให้มันเยอะเกินไปนัก
- ผลไม้ที่เลือกมาอาจจะนำมาทำเป็นน้ำปั่นไว้กินในระหว่างมื้อตลอดทั้งวันก็ได้ แต่ต้องใส่น้ำตาลน้อยที่สุดหรือไม่ใส่เลยยิ่งดี
- มื้อเย็นต้องกินผลไม้ที่เลือกมา 1 ชนิดนั้น อาจจะทำเป็นยำง่ายๆ ด้วยการใส่น้ำมะนาวและน้ำปลาหน่อยแก้เลี่ยน
- ในวันต่อมาก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า ต้องดื่มน้ำมะหนาวผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวดก่อน เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้เล็กขับของเสียออกมา เมื่อดื่มเสร็จจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที แล้วหลังจากนั้นก็กินอาหารได้ตามปกติ แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อเข้าไปกระตุ้นของเวียให้ขับออกมา ของเสียเหล่านั้นก็จะถูกดูดซึมกลับไปเหมือนเดิม ทำให้การที่เราอดอาหารเพื่อดีท็อกซ์ร่างกายนั้นเปล่าประโยชน์
ทีนี้หลังจากสาวๆดูแลความสวยครบแล้ว ก็จะสามารถสวยได้ทั้งภายนอกและภายในกันแล้วนะคะ แต่ถ้าจะให้ดีควรหาเวลาว่างทำให้ได้เป็นประจำ อย่ารอเฉพาะช่วงวันหยุด เพราะบางทีความสวยก็เป็นเรื่องที่รอไม่ได้จ้า