คงปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากความรัก
ความผูกพัน และความเข้าใจระหว่างกันอันเป็นองค์ประกอบของการใช้ชีวิตคู่แล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นคือเรื่องของ "เพศสัมพันธ์"
เพราะมีหลายคู่ที่สัมพันธ์รักดำเนินมาอย่างยาวนานและราบรื่น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเคียงคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
เนื่องจากการมีปัญหาในเรื่องเพศสัมพันธ์นั่นเอง และยิ่งสำหรับสาวอายุ 50-70 ปี หรือที่เรียกกันว่าสาววัยทองนั้น
การทำงานของฮอร์โมนบางอย่างก็อาจเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา
และอาจส่งผลกระทบให้กิจกรรมบนเตียงมีปัญหาตามไปด้วย
จากสถิติระบุว่า
2 ใน 3 ของสาววัยทองมักมีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์กับสามี และพบว่า 72% มาจากปัญหาช่องคลอดแห้ง นพ. ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์
สูตินรีแพทย์ประจำคลินิกเครือโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท อธิบายว่า
เกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ซึ่งหน้าที่หนึ่งของฮอร์โมนดังกล่าว
คือทำให้ภายในช่องคลอดมีความอวบอิ่ม ยืดหยุ่น และทำให้เกิดความชุ่มชื้นภายใน
เมื่อระดับฮอร์โมนลดลงในช่วงวัยทอง ก็จะทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง
ภายในช่องคลอดก็จะบาง ไม่ยืดหยุ่นและชุ่มชื้นอีกต่อไป
และส่งผลให้ปริมาณแบคทีเรียที่ดีต่อช่องคลอดลดน้อยลงตามไปด้วย
ซึ่งทำให้เกิดการระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายในบริเวณนั้น
"นอกจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงแล้ว
ประสิทธิภาพในการทำงานของต่อมบาร์โธลินที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำหล่อลื่นก็ลดลงไปด้วย
ในช่วงก่อนอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการเตรียมพร้อมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์
แต่ในช่วงวัยทองอาจใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้สาววัยทองหลายคนพบว่า
ความรื่นรมย์ในการร่วมเพศลดลง เพราะเกิดความเจ็บแสบระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
และยังอาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น" นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าว
สำหรับปัจจัยต่างๆ
ที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงก่อนเข้าสู่วัยทอง นพ.ก้องศาสดิ์ ระบุว่า
การดื่มแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย การพักผ่อนน้อย และความเครียด
รวมไปถึงการตัดรังไข่ก็จะเป็นตัวเร่งให้เข้าสู่ช่วงวัยทองได้เร็วยิ่งขึ้น ฉะนั้น
สาวๆสามารถหันกลับมาดูแลตัวเองได้ โดยการรับประทานอาหารที่มีสารไฟโตรเอสโตรเจน
ไอโซฟลาโวนส์ และลิกแนน ซึ่งมีโครงสร้างและคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน
พบมากในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วประเภทต่างๆ ธัญพืช และเมล็ดลินิน (เฟล็กซีด)
นอกจากนี้ ยังต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันไลโนเลอิก
เพราะจะทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผนังช่องคลอดและเยื่อบุช่องคลอด
พบมากในดอกคำฝอย เมล็ดทานตะวัน เมล็ดงา และผักใบเขียว
"ส่วนอาหารที่ต้องระวังคือ อาหารประเภทไขมัน
เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และคาเฟอีน ควรงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายเป็นประจำ
พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ทำจิตใจให้แจ่มใสพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
และที่สำคัญคือ ไม่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับสามี
เพราะเพศสัมพันธ์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
ซึ่งจะช่วยทำให้ผนังช่องคลอดแข็งแรง
และช่วยบรรเทาความไม่สบายตัวจากผนังช่องคลอดบางลงได้ดีขึ้น" นพ.ก้องศาสดิ์
แนะ
นอกจากวิธีการดังกล่าวแล้ว
การไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรักษาอาการสำหรับสาววัยทองโดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็น
นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าวว่า เมื่อสาววัยเริ่มประสบปัญหาดังกล่าว
หลายคนอาจรู้สึกอายและไม่กล้าเข้าพบสูตินรีแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
เพราะการเข้าพบแพทย์เฉพาะทางจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ในวัยทองได้
และทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง สามี
และคนใกล้ชิด ฉะนั้น
หากมีปัญหาดังกล่าวควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจอาการเบื้องต้น
โดยแพทย์จะดูความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย และรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น
ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง หงุดหงิด นอนไม่หลับ ฯลฯ ในบางคนแพทย์อาจให้คำแนะนำให้ใช้เจล
ฮอร์โมนเหน็บ หรือรับฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริม และจะหยุดการใช้ยาเมื่ออาการต่างๆ
ดีขึ้น
"ไม่ควรจะเครียดกังวลกับปัญหานี้มากเกินไปจนเสียสมดุลในชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ปัญหาช่องคลอดแห้งในผู้หญิงวัยทองเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้
และจะหายไปโดยเฉลี่ยประมาณ 4 ปี ไม่ได้เป็นตลอดชีวิต การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ
และหากสามารถทำได้ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่วัยทองก็นับเป็นเรื่องดี"
นพ.ก้องศาสดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น